เกมต่อภาพโบราณวัตถุในพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติบ้านเชียง |
รายงานโดย กัญญาณัฐ โพธิ์คำ
การเรียนรู้นอกสถานที่ภายในพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติบ้านเชียง หลุมขุดค้นวัดโพธิ์ศรีใน และบ้านไทยพวน ตำบลบ้านเชียง อำเภอหนองหาน จังหวัดอุดรธานี เมื่อว้นที่ 1 กุมภาพันธ์ 2562 เป็นส่วนหนึ่งในรายวิชา 428 333 แหล่งท่องเที่ยวตามประวัติศาสตร์ไทย (Historical Sites in Thai History) ทางหลักสูตรเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ศึกษา คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น ได้จัดขึ้นสำหรับนักศึกษาชั้นปีที่ 3 เอกประวัติศาสตร์เพื่อการท่องเที่ยว โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อ ให้นักศึกษาได้เรียนรู้เกี่ยวกับแหล่งท่องเที่ยวตามยุคสมัยประวัติศาสตร์นอกสถานที่ ถือได้ว่าเป็นการเรียนรู้จากประสบการณ์จริง ผ่านการฝึกเป็นมัคคุเทศก์ และฝึกใช้ภาษาอังกฤษเพื่อการท่องเที่ยว
บ้านเชียงตั้งอยู่ในตำบลบ้านเชียง อำเภอหนองหาน จังหวัดอุดรธานี ได้รับการขึ้นบัญชีให้เป็นแหล่งมรดกโลก 1 ใน 5 ของประเทศไทย เมื่อปี 2535 โดยองค์การยูเนสโก (UNESCO) แม้การกำหนดอายุสมัยของบ้านเชียงจะเปลี่ยนแปลงในทางที่ลดลงเนื่องจากพัฒนาการทางเทคโนโลยีการตรวจพิสูจน์อายุสมัย จาก 5,000 กว่าปี จนถึง 4,000 กว่าปีก็ตาม แต่ไม่ได้ทำให้ความสำคัญในฐานะแหล่งโบราณคดีที่แสดงพัฒนาการและความเปลี่ยนแปลงของยุคสมัยผ่านโบราณวัตถุจำนวนมากลดคุณค่าลง
บ้านเชียงยังเป็นแหล่งก่อนประวัติศาสตร์ที่สำคัญที่สุดแห่งหนึ่งในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ที่แสดงให้เห็นถึงวิวัฒนาการทางวัฒนธรรม สังคม เทคโนโลยี และการเชื่อมโยงของผู้คนในพื้นที่อุษาคเนย์กว่าหลายพันปี บ้านเชียงจึงเป็นจุดหมายปลายทางสำคัญที่เรา "ต้องไม่พลาด" อย่างแน่นอน
เมื่อเดินทางเข้าสู่บ้านเชียงแล้ว มีจุดเยี่ยมชมสำคัญ 3 จุด ที่ตั้งอยู่ในพื้นที่ใกล้เคียงกัน เริ่มจาก หมุดหมายแรก คือ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติบ้านเชียง ที่จัดแสดงโบราณวัตถุส่วนใหญ่ที่มาจากการขุดค้นในพื้นที่รวมทั้งแหล่งโบราณคดีใกล้เคียงในวัฒนธรรมเดียวกัน หมุดหมายที่ 2 คือ คือ เรือนไทพวน เรือนไม้โบราณที่หาดูได้ยาก ที่ถูกโอบล้อมด้วยบ้านเรือนสมัยใหม่ และเนื่องจากสามารถเข้าเยี่ยมชมได้ไม่เกิน 16:00 น. เราจึงเลือกไว้เป็นแห่งที่สอง และหมุดหมายสุดท้าย คือ วัดโพธิ์ศรีใน แหล่งขุดค้นทางโบราณคดีที่จัดแสดงเป็นพิพิธภัณฑสถานกลางแจ้ง ปัจจุบันสร้างเป็นอาคารมีหลังคาคลุม และเปิดให้เข้าชมได้ถึง 18:00 น. เราจึงเลือกเข้าชมเป็นสถานที่สุดท้าย
ส่วนนิทรรศการที่แสดงสภาพแวดล้อมและวิถีชีวิตคนบ้านเชียงในอดีต |
บ้านเชียง เมื่อประมาณ 4,000 - 5,000 ปีมาเเล้ว ปรากฏร่องรอยการอยู่อาศัยของมนุษย์สมัยก่อนประวัติศาสตร์ ซึ่งเลือกอาศัยอยู่บนเนินดินสูงปานกลางใกล้จุดที่ทางน้ำธรรมชาติสองสายบรรจบกันซึ่งเป็นที่ตั้งของบ้านเชียงในปัจจุบัน ผู้คนในยุคนั้นดำรงชีวิตด้วยการล่าสัตว์ หาของป่า ทำการเกษตรกรรมและหัตถกรรม ต่อมาจึงมีการริเริ่มทำการโลหกรรม นั่นคือ การหล่อสำริด (โลหะที่ผสมระหว่างทองแดงและดีบุก) เพื่อเป็นเครื่องมือเครื่องใช้ต่างๆ ก่อนที่จะค้นพบเหล็กในสมัยสุดท้าย
ชาวบ้านเชียงในยุคก่อนประวัติศาสตร์ตอนปลายเรียนรู้ที่จะนำเอาเหล็กผลิตเป็นเครื่องมือสำหรับใช้งานและเปลี่ยนสำริดให้กลายเป็นเครื่องประดับที่หลากหลายขึ้น ซึ่งพบเห็นเป็นจำนวนมากจากหลุมฝังศพ ชาวบ้านเชียงสมัยนั้นนิยมฝังของอุทิศต่างๆ ได้แก่ ภาชนะบรรจุดินเผา เครื่องประดับ เครื่องมือเครื่องใช้ต่าง ๆ รวมทั้ังอาหารร่วมกับศพ แสดงถึงความเชื่อเรื่องชีวิตหลังความตาย ประเภทและปริมาณสิ่งของที่อุทิศให้แตกต่างกันในแต่ศพ นั่นอาจเเสดงถึง "สถานะ" ทางสังคมของผู้ตาย นอกจากนั้นยังอาจแสดงให้เห็นถึงความแตกต่างทางยุคสมัย เป็นที่น่าสังเกตว่าปริมาณสิ่งของที่อุทิศให้กับผู้ตายในสมัยหลังมีเพิ่มมากขึ้นกว่าสมัยแรก และวัตถุหลักฐานที่พบส่วนใหญ่ได้มากจากการขุดค้นแหล่งฝังศพ สิ่งเหล่านี้ทำให้นักโบราณคดีสามารถแบ่งช่วงเวลาการอยู่อาศัยของชาวบ้านเชียงในยุคก่อนประวัติศาสตร์ ออกเป็น 3 ระยะใหญ่ ๆ ดังนี้
ภาพแสดงภาชนะ (ไห) บรรจุศพเด็ก ในสมัยแรก |
ประเพณีการฝังศพในระยะแรก พบอย่างน้อย 3 แบบ ได้แก่ 1) การฝังศพแบบนอนหงายเหยียดยาว โดยมีภาชนะดินเผาอยู่ที่บริเวณขาหรือศีรษะ 2) การฝังศพแบบนอนงอขา เป็นแบบที่พบไม่มากนัก และ 3) การฝังศพเด็กลงในภาชนะดินเผาขนาดใหญ๋ มักใช้ฝังศพเด็กทารกอายุไม่เกิน 3 ขวบ
ส่วนภาชนะดินเผาที่พบสามารถแบ่งตามรูปทรงที่นิยมในแต่ละระยะ ตามลำดับดังนี้
- ภาชนะมีฐานเตี้ยสีดำ ครึ่งบนตกแต่งด้วยเส้นขีดเป็นลายขด ครึ่งล่างตกแต่งด้วยลายเชือกทาบ
- ภาชนะขนาดใหญ่สำหรับใส่ศพเด็ก และภาชนะขนาดเล็กที่นิยมตกแต่งด้วยเส้นขีดคดโค้ง
- ภาชนะทรงกระบอก และภาชนะก้นกลมคอตั้งตรง ตกแต่งด้วยลายเชือกทาบ และพบหลักฐานทางโลหกรรมที่สำคัญ คือ ใบหอกสำริดที่เก่าที่สุดของบ้านเชียง พบในหลุมที่ฝังเเบบนอนงอเข่า
- ภาชนะก้นกลมตกแต่งไหล่ภาชนะด้วยลายขีดเป็นเส้นคดโค้งผสมการเขียนสีเเดง และตกแต่งส่วนอื่นด้วยลายเชือกทาบ เรียกภาชนะดินเผาแบบนี้ว่า "แบบบ้านอ้อมแก้ว" ที่ขุดพบ ณ แหล่งโบราณคดีบ้านอ้อมแก้ว ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากบ้านเชียงมากนัก
ภาพแสดงโครงกระดูกที่ถูกฝังพร้อมกับเศษภาชนะดินเผา |
ประเพณีการฝังศพในสมัยนี้นิยมฝังแบบนอนหงายเหยียดยาว จากนั้นทุบภาชนะดินเผาให้แตกเพื่อนำมาโรยบนศพ มีภาชนะดินเผาแบบเด่น คือ ภาชนะดินเผาสีขาวนวล ทำไหล่ภาชนะเป็นสันหักมุม มีแบบก้นแหลมและก้นกลม ตอนปลายของสมัยเริ่มมีการตกแต่งด้วยการทาสีแดงที่ปากภาชนะ
การจำลองหลุมศพเด็ก มีลูกกลิ้งดินเผาฝังร่วมด้วย |
ประเพณีการฝังศพในสมัยนี้นิยมฝังแบบนอนหงายเหยียดยาวเช่นเดียวกับสมัยกลาง แล้วนำภาชนะดินเผาทับไว้บนศพ ในช่วงต้นของสมัยปลายนิยมผลิต ภาชนะดินเผาเขียนลวดลายสีแดงบนพื้นขาวนวล แต่ช่วงกลางของสมัยปลายเป็นต้นมานิยมผลิต ภาชนะดินเผาตกแต่งด้วยลายเขียนสีบนพื้นสีแดง การฝังศพเด็กในสมัยปลายนั้น มีการนำลูกกลิ้งดินเผาสลักลวดลายต่าง ๆ ฝังร่วมกับศพด้วย
บริเวณทางเข้าด้านหน้าพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ บ้านเชียง |
หมุดหมายแรก : พิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติ บ้านเชียง (Ban Chiang National Museum)
ภายในพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ บ้านเชียง |
ต่อมา พ.ศ.2518 กรมศิลปากรในฐานะหน่วยงานที่รับผิดชอบในการบริหารจัดการแหล่งโบราณคดีแห่งนี้ ได้ดำเนินการสร้างพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ บ้านเชียง สำหรับจัดเก็บ รักษาโบราณวัตถุจำนวนมากที่ได้จากการขุดค้นครั้งใหญ่ซึ่งเป็นความร่วมมือระหว่างนักโบราณคดีไทยและอเมริกัน เมื่อปี 2517-18 เพื่อส่งเสริมให้ประชาชนตระหนักถึงความสำคัญของการอนุรักษ์ที่มีค่าเช่นนี้เอาไว้และให้เป็นมรดกล้ำค่าแด่คนรุ่นหลังต่อไป จนกระทั่งใน พ.ศ.2524 มีการเปิดให้สาธารณชนได้เข้าชม โดยพื้นที่ในการจัดแสดงและการให้บริการปรากฏในสัดส่วนภายในอาคารต่าง ๆ ดังนี้
1. อาคารสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี เป็นส่วนให้บริการทั่วไปและนิทรรศการหมุนเวียน
2. อาคารกัลยาณิวัฒนา เป็นส่วนจัดแสดงนิทรรศการถาวร ประกอบด้วยเนื้องหาต่างๆ จำแนกเป็ฯ 9 ส่วนด้วยดัน
ที่มา: https://www.isangate.com/ |
จัดเเสดงเรื่องราวเมื่อครั้งสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชและสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถเสด็จพระราชดำเนินทอดพระเนตรหลุมขุดค้นทางโบราณคดีบ้านเชียง
การดำเนินงานด้านโบราณคดีที่ผ่านมา |
ส่วนที่ 2 การดำเนินงานทางโบราณคดีบ้านเชียง
จัดแสดงเรื่องราวความเป็นมาของการทำงานโบราณคดี ณ ที่แห่งนี้ ผ่านลำดับเวลาและเหตุการณ์พร้อมผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการดำเนินงานทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศ
จำลองห้องปฏิบัติการทางโบราณคดี |
จัดแสดงบรรยากาศการทำงาน ณ หลุมขุดค้น มีเครื่องมือที่ใช้ในการขุดค้นของนักโบราณคดี พร้อมทั้งมีวัตถุจำลองให้ได้ชมที่เสมือนจริงเป็นอย่างมาก
จำลองการทำงานในหลุมขุดค้น |
ส่วนที่ 4 บ้านเชียง : หลุมขุดค้นทางโบราณคดี
จัดแสดงหลุมขุดค้นจำลองและการปฏิบัติงานทางโบราณคดีในขั้นตอนต่างๆ เช่น การจดบันทึกหลักฐาน การถ่ายภาพ ซึ่งสามารถที่จะเดินเข้าไปชมได้อย่างใกล้ชิดกับกระบวนการปฏิบัติงานทางโบราณคดีของนักโบราณคดี
แสดงโบราณวัตถุจากหลุมขุดค้นวัดโพธิ์ศรีใน |
จัดแสดงโบราณวัตถุที่พบจากการขุดค้นที่วัดโพธิ์ศรีในและถูกนำมาจัดแสดงตามอายุสมัย ทั้งภาชนะดินเผา เครื่องมือเครื่องประดับที่ทำจากหิน เครื่องประดับสำริดและเครื่องมือเหล็ก เป็นต้น
ภาพจำลองวิถีชีวิต เช่น การทำภาชนะดินเผา การทอผ้า เป็นต้น |
จัดแสดงหุ่นจำลองสภาพแวดล้อมและวิถีชีวิตของมนุษย์ในวัฒนธรรมบ้านเชียงในสมัยก่อนประวัติศาสตร์ ทั้งการล่าสัตว์ การเกษตรกรรม การทำภาชนะดินเผา การทำโลหะกรรม และการทอผ้า จัดแสดงร่วมกับหลักฐานทางโบราณคดีที่เกี่ยวข้อง อย่างเช่น เครื่องมือทางการเกษตร อีกทั้งยังมีกระดูกสัตว์ป่าโบราณอีกด้วย
ภาพแสดงวัตถุโบราณและสิ่งของต่าง ๆ ในสมัยนั้น |
มีการนำเสนอหลักฐานทางโบราณคดีสมัยก่อนประวัติศาสตร์ที่มีการค้นพบในเเถบเอเชียอาคเนย์ จนกระทั่งค้นพบยุคสำริดของวัฒนธรรมบ้านเชียง และแสดงวิวัฒนาการของเครื่องปั้นดินเผาจากสมัยแรก สมัยกลาง จนถึงสมัยหลัง โดยรูปแบบที่เราเห็นกันจนชินตานั้นไม่ว่าจะในหนังสือ อินเทอร์เน็ต บทความที่อ่าน กระทั่งวัตถุจำลองที่นำเสนอจังหวัดอุดรฯ หรือแม้เเต่ของฝากที่ทำเป็นเครื่องปั้นดินเผา ล้วนเป็นเครื่องปั้นดินเผาลายเขียนสีที่เห็นในสมัยหลัง
ภาพแสดงภาชนะเครื่องปั้นดินเผา |
จัดแสดงเกี่ยวกับแหล่งโบราณคดีบ้านเชียง ที่ได้รับการยกย่องและประกาศให้เป็นมรดกโลกในด้านวัฒนธรรม ลำดับที่ 359 เมื่อ พ.ศ.2535 มีเครื่องปั้นดินเผาและวัตถุโบราณอื่นๆ จัดแสดงภายในตู้กระจก
ภาพแสดงแผนที่การกระจายตัวของวัฒนธรรมบ้านเชียงในจุดต่าง ๆ |
จัดแสดงโบราณวัตถุ จากการสำรวจของกรมศิลปากร ตั้งแต่ พ.ศ.2515 เพื่อศึกษาการกระจายตัวของวัฒนธรรมบ้านเชียงในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือบริเวณแอ่งสกลนคร ปัจจุบันมีการค้นพบเเหล่งโบราณคดีวัฒนธรรมบ้านเชียงมากกว่า 127 แหล่ง โดยกระจายอยู่อย่างหนาแน่นตามลุ่มแม่น้ำสำคัญในเขตจังหวัดอุดรธานี หนองคายและสกลนคร
3. อาคารนิทรรศการไทพวน (ส่วนจัดแสดงที่ 10)
นำเสนอเรื่องราวความเป็นมา วิถีชีวิต เอกลักษณ์ ภูมิปัญญาและประเพณีของชาวไทพวน ที่เข้ามาตั้งถิ่นฐานที่บ้านเชียงราว 200 ปีที่ผ่านมา โดยเป็นกลุ่มที่ให้ชื่อหมู่บ้านแห่งนี้ว่า "บ้านเชียง" นั่นเอง
เวลาทำการ
เปิด : วันอังคาร - วันอาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์
เวลา : 09.00 น. - 16.00 น.
ปิด : วันจันทร์
อัตราค่าเข้าชม
คนไทย 30 บาท ชาวต่างชาติ 150 บาท
ยกเว้น นักเรียน นักศึกษาในเครื่องแบบ ผู้สูงอายุ(ชาวไทย) ภิกษุ สามเณร และนักบวชในศาสนาต่าง ๆ
เรือนไทพวน |
หมุดหมายที่สอง : เรือนไทพวน (Tai Puan Ethnic House)
เรือนไทพวนของนายพจน์ มนตรีพิทักษ์ |
บ้านไทพวนหลังนี้เป็นเรือนไม้จริง ด้วยลักษณะที่เป็นหลังคาจั่วมุงด้วยแป้นเกล็ด ยกใต้ถุนสูง ฝาไม้ตีซ้อนเกล็ด หน้าต่างเป็นบานคู่ไม้ขนาดเล็ก ตัวเรือนแต่ละหลังเชื่อมต่อกันด้วยชานไม้ และมียุ้งข้าวแยกเป็นอีกหนึ่งหลัง เรือนชาวไทพวนจะใช้บันไดพาดกับชานด้านบนและด้านล่างในการขึ้นลง และจะเก็บบันไดขึ้นบนเรือนในตอนกลางคืนเพื่อความปลอดภัย และเป็นรูปแบบหนึ่งของเรือนพื้นถิ่นในประเทศไทย
*ถ้าจะเข้าไปชมภายในบริเวณบ้าน ต้องได้รับอนุญาตจากพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติบ้านเชียงก่อน
หลุมขุดค้นกลางแจ้งทางโบราณคดีวัดโพธิ์ศรีใน |
หมุดหมายที่สาม : หลุมขุดค้นทางโบราณคดีที่วัดโพธิ์ศรีใน (Archaeological site at Pho Sri Nai Temple)
ภาชนะลายเขียนสีที่ฝังร่วมกับโครงกระดูก |
แม้ปัจจุบันกรมศิลปากรได้ขุดโบราณวัตถุต่างๆ ขึ้นหมดแล้ว ที่เห็นอยู่ในปัจจุบันเป็นการจำลองหลุมขึ้นใหม่ เนื่องจากความผุกร่อนของโบราณวัตถุจากธรรมชาติที่อาจสร้างความเสียหายมากขึ้นในระยะยาว อย่างไรก็ตามพื้นที่ขุดค้นนี้ได้แสดงให้เห็นถึงพิธีกรรมการฝังศพรวมทั้งโบราณวัตถุต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับความตายของชาวบ้านเชียงในยุคก่อนประวัติศาสตร์ที่หาดูได้ยาก
เวลาทำการ
เปิดให้บริการทุกวัน
เวลา : 09.00 น. - 18.00 น.
ปิด : วันจันทร์
อัตราค่าเข้าชม
ชาวไทย 30 บาท ชาวต่างชาติ 150 บาท
ยกเว้น นักเรียน นักศึกษาในเครื่องแบบ ผู้สูงอายุ(ชาวไทย) ภิกษุ สามเณร และนักบวชในศาสนาต่าง ๆ
จากการมาเยี่ยมชมแหล่งมรดกโลกเพียงหนึ่งเดียวในภาคอีสานที่จังหวัดอุดรธานี ทำให้เราได้ตระหนักถึงสิ่งที่มนุษย์ในยุคก่อนได้รังสรรค์เอาไว้ ในรูปแบบของวัฒนธรรม ความคิดความเชื่อ ภูมิปัญญาในการประดิษฐ์คิดค้นสิ่งต่างๆ มากมาย เป็นเรื่องน่าทึ่งที่คนเมื่อหลายพันปีสามารถสร้างสรรค์วัฒนธรรมที่ไม่เพียงแค่ตอบสนองต่อการดำรงชีพ แต่ยังมีความคิด ความเชื่อ และความงาม แฝงไว้ในร่องรอยซากวัตถุโบราณที่แตกหัก ที่หลงเหลือไว้ให้พวกเราได้เรียนรู้และต่อยอดความรู้ พวกเราจึงควรช่วยกันอนุรักษ์สิ่งที่มีค่าเช่นนี้ให้ดำรงอยู่เพื่ออนุชนคนรุ่นหลังจะได้ศึกษาและสืบทอดต่อไปในอนาคต
อ้างอิง
บ้านเชียง มรดกโลก. (มปก.). ประวัติความเป็นมาบ้านเชียง. สืบค้นเมื่อ 5 กุมภาพันธ์ 2562, จาก
http://goo.gl/StJSc3.
สมาคมสถาปนิกสยาม ในพระบรมราชูปถัมภ์. (2559). บ้านไทพวน พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติบ้านเชียง. สืบค้นเมื่อ 5 กุมภาพันธ์ 2562, จาก http://asaconservationaward.com/
หมายเหตุอาเซียน. (มปก.). มรดกในไทย 1 : แหล่งโบราณคดีบ้านเชียง. สืบค้นเมื่อ 5 กุมภาพันธ์ 2562, จาก http://aseannotes.blogspot.com/2014/07/1_2378.html.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น