"การเรียนรู้นอกสถานที่ภายในวัดพระสี่อิริยาบถ อุทยานประวัติศาสตร์กำแพงเพชร จังหวัดกำแพงเพชร เมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2562 เป็นส่วนหนึ่งของรายวิชา 428 333 แหล่งท่องเที่ยวตามประวัติศาสตร์ไทย (Historical Sites in Thai History) ทางหลักสูตรเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ศึกษา คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น ได้จัดขึ้นสำหรับนักศึกษาชั้นปีที่ 3 เอกประวัติศาสตร์เพื่อการท่องเที่ยว โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้นักศึกษาได้เรียนรู้เกี่ยวกับแหล่งท่องเที่ยวตามยุคทางสมัยประวัติศาสตร์นอกสถานที่ ถือได้ว่าเป็นการเรียนรู้จากประสบการณ์จริง ผ่านการฝึกเป็นมัคคุเทศก์ และการฝึกใช้ภาษาอังกฤษเพื่อการท่องเที่ยว"
อาจารย์และนักศึกษาเดินสำรวจภายในอุทยาน |
เช้าวันที่ 2 ของการทัศนศึกษาโบราณสถานของอาณาจักรสุโขทัย หลังจากไปเยี่ยมชมอุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัยกันมาแล้ว วันนี้เราได้มีโอกาสมาเยือนถึงเมืองกำแพงเพชร ซึ่งอดีตเป็นเมืองหน้าด่านที่สำคัญแห่งหนึ่งของอาณาจักรสุโขทัย ตั้งอยู่ในเขตอำเภอเมือง จังหวัดกำแพงเพชร และอยู่ฝั่งตะวันออกของแม่น้ำปิง โดยอุทยานประวัติศาสตร์กำแพงเพชรแบ่งพื้นที่ออกเป็น 2 เขต คือ เขตในกำแพงเมืองและเขตนอกกำแพง หรือเรียกว่า เขตอรัญญิก
อุทยานประวัติศาสตร์แห่งนี้ได้รับการประกาศให้เป็น "มรดกโลก" จาก UNESCO ภายใต้ชื่อว่า เมืองประวัติศาสตร์สุโขทัยและเมืองบริวาร (Historic Town of Sukhothai and Associated Historic Towns) เมื่อวันที่ 12 ธันวาคม พ.ศ. 2534 ร่วมกับอุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัยและศรีสัชนาลัย แม้นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่จะให้ความสำคัญกับเมืองเก่าสุโขทัย และศรีสัชนาลัย มากกว่า แต่หากมีเวลาและมีโอกาสก็อยากเชิญชวนให้มาเที่ยวที่นี่ ที่มีความสงบ คนไม่พลุกพล่าน บรรยายกาศร่มรื่น และโบราณสถานแต่ละแห่งมีขนาดใหญ่โต และสร้างด้วยศิลาแลงแทบทั้งสิ้น
เมื่อพวกเราเดินทางมาถึงและเข้าไปในเขตอุทยานฯ จะพบกับศาสนสถานอยู่จำนวนมาก ที่มีการปรับภูมิทัศน์เป็นอย่างดี ผสานกลมกลืนเข้ากับโบราณสถาน และยังมีถนนหนทางที่สะดวกสบายเชื่อมโยงต่อเนื่องกัน สามารถเดินเที่ยวชมได้เกือบทุกวัดเพราะว่าตั้งอยู่ไม่ห่างกันมากนัก บรรยากาศร่มรื่น พวกเราใช้การเดินเท้าเป็นหลักในการเยี่ยมชมวัดต่างๆ เพื่อซึมซับธรรมชาติและได้สัมผัสโบราณสถานแต่ละแห่งอย่างเต็มที่ และเมื่อเที่ยวชมวัดต่างๆ สักพัก ต้องมาสะดุดตากับความงดงามของวัดแห่งหนึ่งที่โดดเด่นแตกต่างจากที่อื่นๆ ก็คือ วัดพระสี่อิริยาบถ หรือที่เรียกอีกชื่อหนึ่งคือ วัดพระยืน
บริเวณประตูทางเข้าของวัดพระสี่อิริยาบถ |
วิหาร ตั้งอยู่ด้านหน้าของมณฑป มีแผนผังเป็นรูปกากบาท ยกฐานสูงประมาณ 2 เมตร มีเสาลูกกรงเป็นศิลาแลง มีทับหลังลูกกรงเตี้ยอยู่โดยรอบ วิหารกว้าง 17 เมตร ยาว 29 เมตร มี 7 ห้อง
บริเวณมณฑปประดิษฐานพระพุทธรูปทั้ง 4
มณฑป ขนาดใหญ่ตั้งอยู่ภายในกำแพงแก้ว ด้านหลังของวิหารด้านหน้า ทำหน้าที่เป็นประธานของวัด ซึ่งแตกต่างจากวัดส่วนใหญ่ที่มีเจดีย์เป็นประธานวัด ลักษณะมณฑปที่เห็นเป็นแบบจตุรมุข กึ่งกลางเป็นแท่งสี่เหลี่ยมทึบตันเพื่อรับส่วนยอดหลังคา แต่ปัจจุบันหลังคาพังทลายลงหมดแล้ว ทำเป็นมุขยื่นออกมาทั้ง 4 ทิศ มีแท่นอาสนะสงฆ์และฐานชุกชี เพื่อ ประดิษฐานพระพุทธรูปปูนปั้นในสี่อิริยาบทที่แตกต่างกันประจำอยู่ทั้ง 4 ทิศ
ส่วนที่ประดิษฐานพระพุทธรูปจะเว้าเล็กน้อยเข้าไปในแกนแท่งสี่เหลี่ยมตรงกลาง ผสานกับพระพุทธรูปที่มีลักษณะอ่อนช้อย จึงดูเข้ากันอย่างงดงามลงตัว ซึ่งเป็นความโดดเด่นและเป็นเอกลักษณ์ของสุโขทัย การสร้างมณฑปพระสี่อิริยาบทนี้ยังพบเห็นได้ที่เมืองเก่าสุโขทัย เช่น วัดพระพายหลวง และวัดพระเชตุพน เป็นต้น
พระพุทธรูปทั้งสี่อิริยาบทนั้น ผู้เชี่ยวชาญได้สันนิษฐานว่าได้รับอิทธิพลมาจากศิลปปะปาละของอินเดีย เป็นการสร้างจากพุทธประวัติตอนต่างๆ (ศิริปุณย์, 2558) โดยเฉพาะการให้ความสำคัญกับพระพุทธประวัติ 4 ตอน ดังนี้
พระพุทธณูปลีลา ด้านตะวันออก |
พระพุทธรูปในอิริยาบถนั่ง |
พระพุทธรูปในอิริยาบถยืน ด้านทิศตะวันตก |
4) ตอนประทานเทศนา อยู่ด้านทิศตะวันตกเป็นพระพุทธรูปในอิริยาบถยืน พระองค์และพระเศียรค่อนข้างสมบูรณ์ พระหัตถ์ขวาแนบลำตัว พระหัตถ์ซ้ายน่าจะยกงอแต่หักชำรุดไป พระบาททั้งสองข้างเหยียดตรง คลองจีวรในลักษณะห่มคลุม ชายจีวรตกลงมาเสมอกันทั้งสองข้าง
นอกจากนั้นยังมีโบราณสถานต่างๆ กระจายอยู่ ดังนี้
กลุ่มเจดีย์ในกำแพงแก้ว มีทั้งหมด 17 องค์ สร้างเป็นกลุ่มๆ ภายในกำแพงแก้วทั้ง 4 ทิศ ลักษณะของเจดีย์มีหลายรูปแบบ แต่มีความพิเศษคือ มณฑปของยอดเจดีย์ ภายในเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูป ส่วนใหญ่ได้หักพังลงมาจึงสังเกตเห็นได้ยาก
โบสถ์ เป็นอาคารศาลาขนาดเล็ก รูปสี่เหลี่ยม ซึ่งปรากฏแนวเสา 2 แถว 3 ห้อง ไม่มีร่องรอยการก่อผนัง ส่วนด้านบนหักชำรุด มีเศษกระเบื้องมุงหลังคากระจายอยู่ พบร่องรอยของใบเสมาหินชนวนสีเทาวางอยู่เป็นระยะโดยรอบ
โบราณสถานหลังมณฑป เป็นอาคารที่สร้างจากศิลาแลงทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้า ยกฐานสูง สร้างเป็นแนวขนานกัน 4 หลัง อาจจะเป็นศาลาที่ใช้ประกอบพิธีกรรมต่างๆ
บ่อน้ำ ทำเป็นรูปสี่เหลี่ยม ขุดเจาะลงไปชั้นแลงธรรมชาติ ส่วนปากบ่อกรุด้วยแลง พบบ่อน้ำจำนวน 4 มุม ภายในกำแพงวัด และริมอาคารศาสนสถานทั้ง 2 แห่ง
มณฑปพระสี่อิริยาบท นับเป็นจุดเด่นหลักของวัดแห่งนี้ และพระพุทธรูปทั้งสี่องค์นี้มีรูปแบบศิลปะสุโขทัยในสกุลช่างกำแพงเพชร ซึ่งมีพุทธลักษณะโดยเฉพาะพระพักตร์ที่เรียวยาวแตกต่างจากพระพุทธรูปหมวดใหญ่ในสกุลช่างสุโขทัยทั่วไป และรูปแบบมณฑปลักษณะนี้ก็ปรากฏในเมืองสุโขทัยเช่นกัน สันนิษฐานว่าวัดพระสี่อิริยาบถมีอายุประมาณพุทธศตวรรษที่ 20-21 สมัยสุโขทัยต่อเนื่องถึงสมัยอยุธยาตอนต้น
โบสถ์ เป็นอาคารศาลาขนาดเล็ก รูปสี่เหลี่ยม ซึ่งปรากฏแนวเสา 2 แถว 3 ห้อง ไม่มีร่องรอยการก่อผนัง ส่วนด้านบนหักชำรุด มีเศษกระเบื้องมุงหลังคากระจายอยู่ พบร่องรอยของใบเสมาหินชนวนสีเทาวางอยู่เป็นระยะโดยรอบ
โบราณสถานหลังมณฑป เป็นอาคารที่สร้างจากศิลาแลงทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้า ยกฐานสูง สร้างเป็นแนวขนานกัน 4 หลัง อาจจะเป็นศาลาที่ใช้ประกอบพิธีกรรมต่างๆ
บ่อน้ำ ทำเป็นรูปสี่เหลี่ยม ขุดเจาะลงไปชั้นแลงธรรมชาติ ส่วนปากบ่อกรุด้วยแลง พบบ่อน้ำจำนวน 4 มุม ภายในกำแพงวัด และริมอาคารศาสนสถานทั้ง 2 แห่ง
มณฑปพระสี่อิริยาบท นับเป็นจุดเด่นหลักของวัดแห่งนี้ และพระพุทธรูปทั้งสี่องค์นี้มีรูปแบบศิลปะสุโขทัยในสกุลช่างกำแพงเพชร ซึ่งมีพุทธลักษณะโดยเฉพาะพระพักตร์ที่เรียวยาวแตกต่างจากพระพุทธรูปหมวดใหญ่ในสกุลช่างสุโขทัยทั่วไป และรูปแบบมณฑปลักษณะนี้ก็ปรากฏในเมืองสุโขทัยเช่นกัน สันนิษฐานว่าวัดพระสี่อิริยาบถมีอายุประมาณพุทธศตวรรษที่ 20-21 สมัยสุโขทัยต่อเนื่องถึงสมัยอยุธยาตอนต้น
การก่อสร้างพระสี่อิริยาบทนอกจากจะมีความหมายในการระลึกนึกถึงเหตุการณ์บางตอนในพุทธประวัติ เช่นเดียวกับพระพุทธรูปซึ่งสร้างขึ้นทั่วไปเ อาจจะเป็นเครื่องชี้นำถึงอิริยาบถสี่ประการของผู้ที่ต้องการเจริญวิปัสนากรรมฐาน ซึ่งเป็นขั้นตอนสำคัญขั้นตอนหนึ่งในการเข้าถึงพระนิพพานก็เป็นไปได้ (ศิริปุณย์, 2558)
นักศึกษากำลังชื่นชมพระพุทธรูป |
จากการมาสำรวจและศึกษาวัดพระสี่อิริยาบถ ณ อุทยานประวัติศาสตร์กำแพงเพชร แห่งนี้ ทำให้พวกเราทราบถึงความรุ่งเรืองของพุทธศาสนา ได้เห็นความโดดเด่นของวัดนี้ นอกจากนี้ยังทำให็เห็นถึงความตั้งใจจากความศรัทธาในพระพุทธศาสนาของบรรพชนที่สร้างสรรค์ความยิ่งใหญ่และงดงามของศาสนสถานในยุคนั้น ปัจจุบันถึงแม้สถานที่แห่งนี้จะถูกทิ้งร้างไปกลายเป็นโบราณสถาน ที่ไม่สมบูรณ์เหมือนเมื่อก่อน แต่ยังคงความสวยงาม ทรงคุณค่าและมีเสน่ห์ให้คนรุ่นหลังได้มาศึกษา เยี่ยมชม และช่วยกันรักษาให้คงอยู่สืบต่อไปตราบนานเท่านาน
ข้อมูลเพิ่มเติม
เวลาทำการ : 08.00 - 17.00 น.
ค่าเข้าชม : ชาวไทย 10 บาท / ท่าน
ชาวต่างชาติ 40 บาท / ท่าน
สำหรับผู้ที่นำรถเข้าชมบริเวณอุทยานประวัติศาสตร์กำแพงเพชร ต้องเสียค่าผ่านประตู 50 บาท / คัน
เบอร์ติดต่อ : 0 5571 1921
ที่ตั้ง : ตำบล หนองปลิง อำเภอเมืองกำแพงเพชร จังหวัดกำแพงเพชร 62000
การเดินทาง : จากตัวเมืองกำแพงเพชรประมาณ 5 กิโลเมตร ตามถนนสายกำแพงเพชร - พรานกระต่าย แล้วเลี้ยวซ้ายตรงกิโลเมตรที่ 360
อ้างอิง
สุริยวุฒิ สุขสวัสดิ์. (2537). ศรีทวารวดีถึงศรีรัตนโกสินทร์. กรุงเทพฯ: สำนักพิมพ์เมืองโบราณ
PAIDUAYKAN.COM. อุทยานประวัติศาสตร์กำแพงเพชร. สืบค้นเมื่อวันที่ 22 มีนาคม 2562,
จาก https://www.paiduaykan.com
ฐานข้อมูลมรดกโลกของประเทศไทย. วัดพระสี่อิริยาบถ. สืบค้นเมื่อวันที่ 22 มีนาคม 2562,
จาก http://heritage.onep.go.th/
ศิริปุณย์ ดิสริยะกุล. (2558). การสันนิษฐานรูปแบบสถาปัตยกรรม มณฑปพระสี่อิริยาบถ วัดพระสี่อิริยาบถ จังหวัดกำแพงเพชร. วารสารหน้าจั่ว มหาวิทยาลัยศิลปากร. ปี 2558, ฉบับที่12.
ภัคพดี อยู่คงดี. (2523). พระสี่อิริยาบถ เมืองกแพงเพชร. สารนิพนธ์ ปริญญาศิลปศาสตร์บัณฑิต(โบราณคดี) คณะโบราณคดี มหาวิทยาลัยศิลปากร.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น