Fun Facts about VIETNAMเกร็ดความรู้ประเทศเวียดนาม
เวียดนาม ประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ หนึ่งในประเทศอาเซียน เป็นประเทศที่มีประวัติความเป็นมาอย่างยาวนานและตกเป็นเมืองขึ้นของเจ้าอาณานิคมทำให้ได้รับอิทธิพลและปรากฏให้เห็นดังเช่นในปัจจุบันในกลิ่นอายของการผสมผสานกันทางวัฒนธรรม จึงทำให้เวียดนามมีเสน่ห์น่าค้นหาเป็นอย่างมากถ้าได้มีโอกาสไปเยี่ยมชมสักครั้ง แต่อาจจะมีบางประเด็นหรือบางสิ่งที่เราไม่รู้จักเกี่ยวกับเวียดนาม ดังนั้นแล้ว เรามาทำความรู้จักกับเกร็ดความรู้ของเวียดนามกันบ้างดีกว่าค่ะ
เรียบเรียงโดย กัญญาณัฐ โพธิ์คำ
จิราภรณ์ ทรงพระ
วัฒนธรรมต่างแดนที่ผสานกันอย่างลงตัวที่เวียดนาม
เนื่องจากเวียดนามนั้นได้ตกเป็นเมืองขึ้นของเจ้าอาณานิคม โดยเฉพาะการตกเป็นเมืองขึ้นของจีนและฝรั่งเศสเป็นเวลาหลายปี ทำให้เวียดนามได้รับวัฒนธรรมจากหลากหลายแห่ง อย่างจีนที่มีอิทธิพลในด้านศาสนาและสถาปัตยกรรม อย่างเช่น ลัทธิความเชื่อต่าง ๆ ลัทธิขงจื๊อที่ให้ความสำคัญต่อการนับถือบรรพบุรุษ ลัทธิเต๋าที่สอนเรื่องความสมดุลของธรรมชาติ รวมไปถึงศาสนาพุทธนิกายมหายานที่สอนในเรื่องของกรรมและในด้านสถาปัตยกรรมจีน อย่างเช่น พระราชวังเว้ สถาปัตยกรรมของพระราชวังจักรพรรดิ์ที่แสดงออกถึงศิลปกรรมจีน ด้วยสี สัญลักษณ์ จนถึงตัวอักษรที่เขียนแบบจีน
ร่องรอยของอารยธรรมฝรั่งเศสในด้านอาหารและภาษา อย่างเช่น การรับประทานกาแฟคู่กับเฝ๋อ (Phở) หรือก๋วยเตี๋ยวเวียดนาม ในยามเช้าคือมรดกทางวัฒนธรรมการกินของฝรั่งเศสที่ยังหลงเหลือจากยุคอาณานิคม อาหารที่ชื่อว่า ‘แบ๋งหมี่ (Bánh mì)’ ที่ได้รับอิทธิพลมาจากฝรั่งเศสโดยการนำเอาขนมปังฝรั่งเศสหรือบาแกตต์มาทำเป็นแซนด์วิชเวียดนาม อีกทั้งการใช้ภาษาฝรั่งเศสทั้งในชุมชนและมหาวิทยาลัยเช่นในมหาวิทยาลัยฮานอยที่มีภาควิชาภาษาฝรั่งเศส
วัฒนธรรมญี่ปุ่นที่มากับศิลปะการป้องกันตัวและวัฒนธรรมร่วมสมัยจากอเมริกา อย่างเช่น กีฬาเบสบอล ซึ่งเป็นกีฬายอดนิยมในอเมริกาที่ถูกนำมาเผยแพร่ในเวียดนาม
มีถ้ำที่ใหญ่ที่สุดในโลก
โดยพื้นที่ 75% ของประเทศประกอบด้วยภูเขาและป่าไม้และมีถ้ำเป็นจำนวนมาก และเป็นที่ตั้งของถ้ำที่ใหญ่ที่สุดของโลกอีกด้วย คือ ถ้ำซันดอง (Son Doong) ซึ่งหมายถึง “ถ้ำภูเขาแม่น้ำ” ถ้ำนี้เกิดขึ้นเมื่อราว 2-5 ล้านปีก่อน โดยการไหลผ่านของแม่น้ำที่กัดกร่อนหินปูนใต้ภูเขาเป็นเวลานาน จนชั้นหินปูนอ่อนตัวลง เพดานถ้ำจึงถล่มลงมาจนกลายเป็นโพรงช่องแสงขนาดใหญ่ในปัจจุบัน ถูกค้นพบในปี ค.ศ. 1991 โดยชาวเวียดนามแต่ไม่ได้มีการบันทึกเอาไว้ จนกระทั่งนักสำรวจชาวอังกฤษเดินทางมาพบและเข้าถึงด้านในของถ้ำเป็นครั้งแรก เมื่อปี ค.ศ. 2009 ความใหญ่โตของถ้ำนี้กินพื้นที่กว่า 5.5 ไมล์ (8.8 กิโลเมตร) ใหญ่ขนาดที่มีป่าดงดิบและแม่น้ำ เกิดเป็นระบบนิเวศน์ของตัวเองซ่อนอยู่ สูงขนาดที่สามารถสร้างตึกระฟ้าสูง 40 ชั้นไว้ภายในถ้ำได้ จึงถือได้ว่าเป็น ‘กำแพงของเวียดนาม’ เลยทีเดียว
เทือกเขาที่ยังมีชีวิต (มีประชากร)
เวียดนามเปรียบเสมือนเป็นบ้านของกลุ่มชาติพันธุ์เล็ก ๆ หลายกลุ่มโดยมีถึง 54 กลุ่มชาติพันธุ์ที่มีเอกลักษณ์อันโดดเด่น อีกทั้งยังมีภาษาและวัฒนธรรมเป็นของตน ซึ่งสร้างความหลากหลายทางวัฒนธรรมที่ดึงดูดนักท่องเที่ยว หมู่บ้านวัฒนธรรมชนเผ่าต่าง ๆ ในเวียดนามได้กลายเป็นจุดท่องเที่ยวที่น่าสนใจของนักท่องเที่ยว เป็นศูนย์รวมที่สะท้อนความสามัคคีของชนเผ่าต่าง ๆ ในเวียดนาม มีส่วนร่วมสร้างสรรค์เอกลักษณ์วัฒนธรรมเวียดนาม ซึ่งเป็นระบบวัฒนธรรมที่มีความหลากหลายในความเป็นเอกภาพ อย่างเช่น กลุ่มชาติพันธุ์ห่าเกียง ม้ง โลโล เป็นต้น
ปีใหม่เวียดนาม (Tet)
เทศกาลเต๊ด(Tet) เป็นเทศกาลอรุณแรกแห่งปี หรือชาวเวียตนามเรียกว่า เต๊ด เหวียน ด่าน (Tet Nguyen Dan) ถือเป็นเทศกาลขึ้นปีใหม่ทางจันทรคติที่สำคัญที่สุดของชาติเวียดนามเลยทีเดียว เทศกาลเต๊ดจะเริ่มขึ้นหนึ่งสัปดาห์ก่อนที่จะเข้าสู่ปีใหม่ โดยเริ่มต้นในวันที่ 23 เดือน 12 จะมีพิธีเซ่นไหว้เต๋า กวน หรือเทพเจ้าแห่งครัว ด้วยผลไม้สด อาหารคาวหวาน รองเท้าชุดแต่งกายขุนนาง และปลาคราฟ เพื่อที่จะส่งเทพเจ้าแห่งครัวขึ้นไปรายงานความเป็นไปในแต่ละครอบครัว ในช่วง 7 วันก่อนปีใหม่นี้จะมีการทำความสะอาดบ้านเรือน สิ่งของใด ๆ ที่ชำรุดเสียหายก็ทิ้งไปและเปลี่ยนใหม่ เพื่อที่จะต้อนรับสิ่งดี ๆ ในปีใหม่และทุกคนในครอบครัวไม่ว่าจะอยู่ที่ใดก็จะมารวมตัวกันในเทศกาลนี้ ซึ่งถือว่าไม่เหมือนกับปีใหม่ของประเทศต่าง ๆ ทั่วโลกที่เฉลิมฉลองในช่วงเดือนมกราคม
การให้ของขวัญบางประเภทถือว่าเป็นความ ‘โชคร้าย’
อย่างเช่น การให้ผ้าเช็ดหน้า, บางสิ่งที่เป็นสีดำ, ดอกไม้สีเหลืองหรือดอกเบญจมาศ ฉะนั้นแล้ว ถ้ามีเพื่อนหรือคนเวียดนามที่รู้จัก อย่าให้สิ่งของพวกนี้กับพวกเขาเป็นของขวัญนะคะ
จักรยานยนต์เป็นพาหนะที่เห็นได้ทั่วไปในเวียดนาม
เมื่อคิดถึงพาหนะที่ใช้โดยสารในเวียดนาม อันดับแรกที่ทุกคนจะต้องนึกถึงนั่นคือ รถจักรยานยนต์ ถือว่าเป็นพาหนะหลักในการเดินทางของคนเวียดนามไปเสียแล้ว โดยคาดว่าน่าจะมีจักรยานยนต์ที่ได้จดทะเบียนประมาณ 45 ล้านคันภายในเวียดนาม ซึ่งในประเทศเวียดนามนั้นมีประชากรมากกว่า 90 ล้านคนและยังเป็นตลาดในการจำหน่ายรถจักรยานยนต์ที่ใหญ่ที่สุด แต่การที่จะมีรถยนต์นั้นไม่ใช่เรื่องง่ายดายเพราะคนที่จะมีรถยนต์ได้จะต้องเสียภาษีถึง 200-300% เลยทีเดียว
อัตราค่าจ้างที่ต่ำค่าหนึ่งในโลก
โดยถูกบันทึกไว้ว่าเป็นอัตราค่าจ้างที่ต่ำเป็นอันดับที่ 32 ของโลก รายงานค่าจ้างแรงงานทั่วโลกขององค์การเเรงงานระหว่างประเทศได้บอกไว้ว่า ค่าแรงในเวียดนามเฉลี่ยแล้วยังคงต่ำกว่าหลายประเทศในกลุ่มอาเซียนและเมื่อเทียบกับสิงคโปร์ ค่าแรงของเวียดนามมีสัดส่วนเพียง 1 ใน 20 เท่านั้นและยังคงล้าหลังประเทศเพื่อนบ้านหลายแห่ง ทำให้เวียดนามกลายเป็นฐานการผลิตโลก มีบริษัทต่างชาติมาตั้ง อย่างเช่น บริษัทผลิตสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ยักษ์อย่าง Samsung, LG และ Canon มาตั้งฐานการผลิตของตนไว้ที่นี่ เวียดนามจึงหันมาให้ความสำคัญกับการพัฒนาโครงสร้างทางเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศอย่างทีละนิด เพื่อก้าวไปเป็นธุรกิจภาคการบริการให้มากขึ้น
อาหารเวียดนามถือว่าเป็นอาหารเพื่อสุขภาพแหล่งหนึ่งของโลก
อาหารเวียดนามมีลักษณะโดดเด่นเป็นของตัวเองเนื่องจากสภาพภูมิศาสตร์ที่ทอดยาวตามแนวชายฝั่ง ทำให้อาหารเวียดนามแต่ละภูมิภาคมีความแตกต่างกัน มักจะมีผักสดหลากหลายชนิดในแทบทุกเมนู และมีน้ำจิ้มที่หลากหลาย เครื่องปรุงรสส่วนใหญ่เป็นแบบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มากกว่าจีน เช่น เครื่องปรุงรสเปรี้ยวใช้มะขาม มะนาว ไม่นิยมน้ำส้มสายชู มักจะมีส่วนผสมของสมุนไพร มีเทคนิคการปรุงที่เลี่ยงการผัด ทอดและใช้น้ำมัน
ไวน์งูในเวียดนาม
เหล่ว ซาน (Ruou Ran) เป็นไวน์งู ใช้ดื่มเพื่อสุขภาพ พละกำลังและการซ่อมแซมร่างกาย โดยจะใช้งูตัวใหญ่หนึ่งตัวต่อขวดโหลหนึ่งขวด และมักจะใส่รากไม้หรือสมุนไพรเพื่อเพิ่มรสชาติหรือรักษาคุณภาพหรืออาจจะใส่งูตัวเล็ก ๆ เพิ่มลงไปอีกทั้งใส่แมงป่องหรืออาจจะเป็นตุ๊กแก หลังจากนั้นเติมด้วยข้าวหมักเข้าไปแล้วก็จะหมักทิ้งไว้เป็นเดือน ๆ จึงจะนำมาดื่มได้นั่นเอง ซึ่งไวน์งูจากเวียดนามได้รับอิทธิพลมาจากประเทศจีน
เวียดนาม: ประเทศเดียวเหมือนเที่ยวทั่วโลก
ที่มา https://bit.ly/2Od6HvT
สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม (Socialist Republic of Vietnam) หรือเรียกย่อๆ ว่าเวียดนามเป็นหนึ่งในประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ที่ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกของคาบสมุทรอินโดจีนและมีรูปร่างเรียงเป็นรูปตัว S ตามแนวชายฝั่ง โดยเวียดนามเป็นประเทศหนึ่งที่มีความหลากหลายสูง เช่น ในแง่ของประวัติศาสตร์การต่อสู้ที่ยาวนานเพื่อให้ได้มาซึ่งเอกราช โดยเหตุการณ์ที่ทำคนทั่วโลกรู้จักเวียดนามคือ การทำสงครามยุทธภูมิเดียนเบียนฟู (เนินเขา A1) โดยการนำของโฮจิมินห์ ในแง่ชาติพันธ์ุของเวียดนามที่มีชาวเขาหลากหลายเผ่าพันธุ์ เช่น คนไต ชาวเย้า ชาวม้ง และขมุ ฯลฯ ที่อาศัยอยู่รวมกับคนชาติพันธุ์กินห์ (เวียดนาม) จนก่อให้เกิดเป็นอัตลักษณ์ที่แปลก แตกต่างและไม่เหมือนใครอย่างลงตัว หรือในแง่ของวัฒนธรรม ก็มีความเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวเพราะมีการรับเอาและผสมผสานทั้งวัฒนธรรมของจีน ญี่ปุ่นและฝรั่งเศสกับวัฒนธรรมท้องถิ่นจนเกิดเป็นเอกลักษณ์ท้องถิ่นที่มีกลิ่นอายของทั้งตะวันออกและตะวันตกอย่างลงตัวทำให้ที่ท่องเที่ยวแต่ละที่ของเวียดนามแต่ละอันนั้นเป็น Unseen ที่ไม่ควรพลาดโดยเด็ดขาด ดังนี้
1. นาขั้นบันไดที่ซาปา
ที่มา https://bit.ly/2yFCJMa
ซาปา ตั้งอยู่ทางภาคเหนือของประเทศเวียดนามใกล้กับชายแดนจีนทำให้มีอากาศหนาวเย็นตลอดปีและเป็นดินแดนแห่งขุนเขาที่มีความหลากหลายของชาติพันธุ์มากที่สุดในประเทศเวียดนาม ในอดีตเมืองซาปาจึงเคยถูกสร้างให้เป็นเมืองตากอากาศของชาวฝรั่งเศสที่เข้ามาปกครองในสมัยยุคอาณานิคม เพราะด้วยตัวเมืองซาปาที่โอบล้อมไปด้วยขุนเขาน้อยใหญ่และอากาศที่เย็นตลอดปี จึงทำให้ซาปามีสถาปัตยกรรมอาคารบ้านเรือนและการวางผังเมืองแบบอาณานิคมฝรั่งเศส (French Colonial) โดยหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวนิยมไปเป็นอันดับต้นๆ ในซาปา คือ การทำนาขั้นบันได ที่เขียวขจีท่ามกลางลาดไหล่เขาที่ทอดตัวอย่างสวยงามกว้างไกลสุดลูกหูลูกตา และมีฉากหลังคือเทือกเขาฟานสีปัน ภูเขาที่มีความสูงที่สุดในประเทศแถบอินโดจีน (จึงเป็นที่มาของฉายาหลังคาแห่งอินโดจีนและแอลป์แห่งอ่าวตังเกี๋ย)
ที่มา https://bit.ly/2AACDXx
จุดที่นักนักท่องเที่ยวนิยมไปและช่วงเวลาที่ควรไปเที่ยว
การทำนาขั้นบันไดสามารถหาชมได้เกือบทุกมุมของเมืองซาปาแต่จุดที่นักท่องเที่ยวนิยมคือ หมู่บ้าน กั๊ตกั๊ต (Cat Cat Village) ของชาวม้งและหมู่บ้านตานพินของชาวเย้า โดยหมู่บ้านเหล่านี้นอกจากจะมีนาขั้นบันไดที่สวยงามแล้ว ยังเต็มไปด้วยความมีชีวิตชีวาของชาติพันธุ์ต่าง ๆ ที่อาศัยอยู่โดยรอบและยังสามารถสัมผัสถึงวัฒนธรรมของชาวเขาที่เรียบง่ายแต่โดดเด่นอย่างใกล้ชิด
การจะไปชมนาขั้นบันไดเมืองซาปานั้นมีช่วงเวลาที่เหมาะสมคือ ตั้งแต่เดือนกรกฎาคมจนถึงเดือนกันยายน โดยช่วงเดือนกรกฎาคมเป็นต้นไป นาข้าวจะเขียวขจี แต่นักท่องเที่ยวต้องระวังเรื่องสภาพอากาศเพราะเป็นช่วงฤดูฝนของเวียดนาม ขณะที่ช่วงต้นเดือนกันยายนเป็นช่วงที่นาขั้นบันไดสวยงามที่สุด หากเข้าสู่ช่วงกลางจนถึงถึงปลายเดือนนาข้าวจะมีสีเหลืองทอง สวยงามแต่ถ้าเดินทางมาในช่วงหลังจากนั้น จะไม่มีนาขั้นบันไดให้ชม เนื่องจากชาวเขาจะเก็บเกี่ยวผลผลิตหมดไปแล้ว
2. พระราชวังเว้
ที่มา https://w.tt/2ESRDnL
เมืองเว้ตั้งอยู่ที่ภาคกลางของประเทศเวียดนาม เคยเป็นเมืองหลวงของประเทศเวียดนามราว 400 ปีก่อนตั้งแต่ยังมีระบอบกษัตริย์ พระราชวังเว้แห่งนี้ได้รับอิทธิพลจากจีนอย่างมากมายเพราะเคยถูกปกครองโดยจีนนับพันปี ไม่ว่าจะเป็นสถาปัตยกรรม สี สัญลักษณ์ จนถึงตัวอักษรที่เขียนแบบจีนแต่ออกเสียงต่างไป (อักษรก๊วกงือ) พระราชวังเว้มีพื้นที่กว่า 5.2 ตร.กม. มีกำแพงเมืองมีกำแพงเมือง 3 ชั้น ไล่เรียงกันไปในแต่ละชั้น กำแพงเมืองชั้นที่ 1 คือ ป้อมปราการเมืองหลวงเว้ (Kinh Thah Hue) มีทางเข้า 10 ทาง และมีป้อมระวังภัย 24 ป้อม ด้านซ้ายจะมีซุ้มปืนใหญ่ 4 กระบอกแทนฤดูกาลทั้ง 4 คือ ร้อน ฝน ใบไม้ผลิ และหนาว ส่วนฟากขวามี 5 กระบอก แทนธาตุทั้ง 5 ในจักรวาล ได้แก่ ดิน น้ำ ลม ไฟ และโลหะ ตามความเชื่อแบบจีน ชั้นที่ 2 เป็นป้อมปราการหลวง (Hoang Thanh)
ปัจจุบันประตูเมืองทั้ง 4 ประตูเปิดให้ทุกคนสัญจร ต่างจากในอดีตที่ประตูทางทิศใต้ (จุดขายตั๋ว) เป็นทางเข้าออกสำหรับกษัตริย์เท่านั้นประตูนี้จะเปิดตรงสู่ท้องพระโรงนามว่าพระราชวังไทฮัว หรือไท่ฮัว หรือไทฮวา (Thai Hoa Palace) ซึ่งเป็นจุดเด่นของทั้งหมด และในส่วนของกำแพงชั้นสุดท้ายคือ “ป้อมปราการต้องห้าม” (Tu Cam Thanh) ภายในกำแพงเป็นที่ประทับของกษัตริย์ทั้ง 13 พระองค์ ในราชวงศ์เหงียนและครอบครัว มีอีกชื่อว่าพระราชวังสีม่วง (Purple Palace) มีที่มาลึกซึ้งจากแสงแรกของพระอาทิตย์ที่มองเห็นเป็นสีม่วงสามารถอธิบายด้วยแถบรุ้งกินน้ำที่เมื่อแสงหักเหจะเห็นเป็นสีรุ้ง ซึ่งมีสีม่วงเป็นสีแรกนั่นเองกำแพงชั้นนี้มีประตูเข้าออก 7 ประตู ภายในมีสิ่งปลูกสร้างที่แตกต่างกันถึง 50 หลัง เช่น วังส่วนตัวของกษัตริย์ ที่พักของพระมเหสี ที่พักของสนม ห้องมหรสพ ห้องครัวสำหรับปรุงพระกระยาหารของกษัตริย์โดยเฉพาะ ห้องอ่านหนังสือ เป็นต้น ซึ่งพระราชวังแห่งนี้มีความหมายทั้งในแง่ของประวัติศาสตร์และความงดงามทางสถาปัตยกรรมจนได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกเมื่อปี 2536
ที่มา https://bit.ly/2RlyuMo
เวลาเปิด-ปิด
วันจันทร์-วันอาทิตย์ เปิด 8:00–17:30 (ยกเว้นวันพฤหัสบดี เปิด 8:00–22:00)
3. บานาฮิลล์
ที่มา https://bit.ly/2SyxhCK
บานาฮิลล์ (Ba Na Hills) ตั้งอยู่ที่เมืองดานัง ทางภาคกลางของประเทศเวียดนาม ในอดีตเคยเป็นสถานพักผ่อนตากอากาศของชาวฝรั่งเศส ในยุคที่เวียดนามอยู่ภายใต้การปกครอง จึงมีก่อสร้างอาคารบนยอดเขาให้มีบรรยากาศคล้ายกับยุโรป เพราะฉะนั้นสถานที่แห่งนี้จึงถือได้ว่าเป็นที่พักตากอากาศดีที่สุดของเวียดนามเพราะแม้ว่าจะตั้งอยู่ที่ภาคกลางแต่อากาศด้านบนเขานั้นหนาวเย็นตลอดทั้งปีประมาณ 10 องศาเท่านั้น บานาฮิลล์เต็มไปด้วยสิ่งที่น่าสนใจมากมาย ซึ่งถูกเนรมิตขึ้นบนยอดเขาสูงจากระดับน้ำทะเลมากถึงประมาณ 1,487 เมตร
มีจุดท่องเที่ยวกระจายกันไปโดยรอบแต่ละพื้นที่บนยอดเขา ซึ่งนักท่องเที่ยวจะต้องนั่งกระเช้าไฟฟ้าขึ้นไปเที่ยวชม และกระเช้าไฟฟ้าที่ว่านี้ ก็เป็นกระเช้าไฟฟ้าที่ยาวและสูงที่สุดในโลกด้วย มีความยาวมากถึง 5,801 เมตร และสูง 1,368 เมตร ซึ่งจะทำให้นักท่องเที่ยวจะได้สัมผัสปุยเมฆหมอก และบางจุดมีเมฆลอยต่ำกว่ากระเช้าทำให้เมื่อเวลานั่งกระเช้ารู้สึกเหมือนว่าลอยได้พร้อมทั้งได้สูดอากาศบริสุทธิ์อันสดชื่นของยอดเขาแห่งนี้ด้วย
ที่มา https://bit.ly/2OYnKa8
สถานที่อื่น ๆ ที่ไม่ควรพลาด
สวนสนุก Fantasy Park, สวนสนุก Disney Vietnam, วัดลีงอึ้ง, สวนดอกไม้ Le Jardin d’ Amour, โรงไวน์ Debay Wine Cellar, กระเช้าลอยฟ้าและสะพาน Golden Bridge นอกจากนี้ยังมีวัดและสถานที่พักผ่อนไม่ว่าจะเป็นโรงแรม รีสอรท์ ตั้งอยู่ท่ามกลางหุบเขาด้วย
4. ฮอยอัน
ที่มา https://bit.ly/2OVZaXo
ฮอยอัน (Hoi An) ตั้งอยู่ทางภาคกลางของประเทศเวียดนาม ห่างจากเมืองท่าดานังทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ระยะทางประมาณ 30 กิโลเมตร ในสมัยของอาณาจักรจามปาบริเวณนี้เคยเป็นเมืองท่าบนปากแม่น้ำทูโบน ซึ่งมีชื่อว่า ไฮโฟ โดยเป็นศูนย์กลางทางการค้าในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 16-17 มีชาวต่างชาติมาตั้งถิ่นฐานและค้าขายในเมืองนี้เป็นจำนวนมาก ทั้งชาวจีน ญี่ปุ่น ดัตช์ และอินเดีย เดิมทีเมืองนี้ถูกแบ่งออกเป็นสองฝั่งโดยมีคลองสายหนึ่งคั่นอยู่กลางเมือง มีสะพานญี่ปุ่นทอดข้ามคลองเพื่อกั้นแบ่งเขตชุมชนของชาวญี่ปุ่นที่อีกฝั่งหนึ่งของคลอง ตัวสะพานสร้างโดยชาวญี่ปุ่นเมื่อ 400 กว่าปีที่แล้ว รูปทรงโค้งของสะพานและหลังคามุงกระเบื้องสีเขียวและเหลืองเป็นคลื่น ตรงกลางสะพานมีเจดีย์ทรงจัตุรัสที่สร้างอุทิศให้แก่ดั๊กเดและตรันหวู
ก่อนเดินข้ามสะพานด้านซ้ายมือจะมีรูปปั้นสุนัขกำลังนั่ง และเมื่อข้ามไปแล้วก็จะเจอกับลิงอีกตัวซึ่งเป็นลักษณะสถาปัตยกรรมที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะและเป็นสัญลักษณ์ของเมืองโบราณฮอยอัน ในปี พ.ศ. 2542 องค์การยูเนสโกได้ขึ้นทะเบียนเขตเมืองเก่าของฮอยอันให้เป็นมรดกโลก ด้วยเหตุผลว่าเป็นตัวอย่างของเมืองท่าในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในสมัยคริสต์ศตวรรษที่ 15-19 ที่มีการผสมผสานศิลปะและสถาปัตยกรรมทั้งของท้องถิ่นและของต่างชาติไว้ได้อย่างมีเอกลักษณ์ และอาคารต่าง ๆ ภายในเมืองได้รับการอนุรักษ์ให้อยู่ในสภาพเดิมไว้ได้เป็นอย่างดี สำหรับการมาเที่ยวชมเมืองฮอยอัน สามารถซื้อบัตรเข้าชมได้ที่เมืองเก่าบริเวณหัวถนนตรันฝู ภายในบัตรนั้นสามารถเข้าชมได้ 5 สถานที่ภายใน 1 วัน จะเลือกเดินเท้าเข้าชมเมือง เช่าจักรยาน หรือใช้บริการของสามล้อถีบก็ได้เช่นกัน เนื่องจากฮอยอันเป็นเมืองเล็ก ๆ มีถนนสายหลักเพียงไม่กี่เส้น ใช้เวลาเพียงวันเดียวก็เที่ยวครบแล้ว
ที่มา https://bit.ly/2EPAFXe
สถานที่อื่น ๆ ที่ไม่ควรพลาด
สมาคมฟุกเกี๋ยน (Phouc Kien Assembly Hall), บ้านเลขที่ 101 (Old House No.101), บ้านเลขที่ 7 (Old House No.7), ศูนย์วัฒนธรรมและหัตถกรรม (Handicraft workshop and traditional music shop), พิพิธภัณฑ์เซรามิก (Museu of Trading Ceramics), แม่น้ำทูโบน (Thu Bon River)
5. โบสถ์โดเมนเดมารี
ที่มา https://bit.ly/2zaGcSa
โบสถ์โดเมนเดมารีแห่งนี้ตั้งอยู่ที่เมืองด่าหลัต ทางภาคใต้ของเวียดนาม สร้างขึ้นในปี ค.ศ.1930 โดย Zuzanne Humbert ภริยาของผู้ว่าการอินโดไชน่าชาวฝรั่งเศส ตั้งแต่ในสมัยที่ฝรั่งเศสยังปกครองเวียดนามในฐานะอาณานิคม ลักษณะของโบสถ์โดเมนเดมารีเป็นการผสมผสานกันระหว่างสถาปัตยกรรมแบบฝรั่งเศสสมัยศตวรรษที่ 17 กับรูปแบบของอาคารพื้นบ้านในเวียดนามออกมาเป็นโบสถ์ที่ดูภายนอกจะเหมือนกับบ้านพัก สูง 2 ชั้น และโดดเด่นด้วยการทาสีชมพูอ่อน ๆ เพื่อเป็นการบ่งบอกว่า โบสถ์เวียดนามแห่งนี้เป็นคอนแวนต์ที่มีแต่แม่ชีอยู่อาศัยนั่นเอง
อ้างอิง
กาญจนา อายุวัฒน์ธนชัย. (2557). พระราชวังเว้ อาณาจักรต้องห้ามแห่งเวียดนาม. (ออนไลน์). แหล่งที่มา : https://www.posttoday.com/travel/323747. 16 ตุลาคม 2561
จันจิรา อินทรศักดิ์. (มปก). นาขั้นบันได เวียดนาม มนตร์เสน่ห์แห่งขุนเขาในฤดูฝน. (ออนไลน์). แหล่งที่มา : https://travel.kapook.com/view99905.html. 16 ตุลาคม 2561
เที่ยวเมืองในฝัน.(ออนไลน์). แหล่งที่มา : http://travel.trueid.net/detail/E0PnebYaa5E. 16 ตุลาคม 2561
เอิงเอย. (2560). บานา ฮิลล์ Ba Na Hills ดานัง เมืองฝรั่งเศสในเวียดนาม นั่งกระเช้าลอยฟ้า
มปก. (มปป). บานาฮิลล์ ดินแดนแห่งความสนุกบนยอดเขาสูงแห่งดานัง ประเทศเวียดนาม. (ออนไลน์). แหล่งที่มา : https://travel.kapook.com/view197331.html. 16 ตุลาคม 2561
มปก. (มปป). โบสถ์ คอนแวนต์โดเมนเดอมารี Domaine de Marie Conventhttp. (ออนไลน์). แหล่งที่มา : https://www.vietnamonline.com/attraction/domaine-de-marie-church.html. 16 ตุลาคม 2561
มปก. (มปป). โบสถ์ คอนแวนต์โดเมนเดอมารี (Domaine de Marie Conventhttp, Dalat). (ออนไลน์). แหล่งที่มา : http://www.asiatravelroutes.com/th/vietnam/attractions/dalat/domaine-de-marie-convent.html. 16 ตุลาคม 2561
มปก. (มปป). ข้อมูลพื้นฐานของสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม. (ออนไลน์). แหล่งที่มา : http://www.ditp.go.th/contents_attach/141176/141176.pdf. 16 ตุลาคม 2561
มปก. (2560). เที่ยวซาปา เมืองนาขั้นบันได ไอหมอก และขุนเขา. (ออนไลน์). แหล่งที่มา : https://bit.ly/2yoSBl. 16 ตุลาคม 2561
AOM. (2561). 5 สถานที่เที่ยวดานัง..เมืองใหม่สุดฮิปแห่งเวียดนาม!. (ออนไลน์). แหล่งที่มา : https://tourkrub.co/blog/hip-danang-vietnam. 16 ตุลาคม 2561
Backyard Travel. (2017). 25 FUN & INTERESTING FACTS ABOUT VIETNAM THAT MAKE YOU WANT TO VISIT. (ออนไลน์). แหล่งที่มา : http://www.backyardtravel.com/25-fun-interesting-facts-about-vietnam/. 15 ตุลาคม 2561
EXPAT WOMEN.COM. (2017). 15 Fun Facts About Vietnam That You Most Probably Didn't Know. แหล่งที่มา : https://www.expatwoman.com/vietnam/guide/15-fun-facts-about-vietnam-you-most-probably-didnt-know.15 ตุลาคม 2561
JASMINTA. (2560). ‘เมอร์เคียว บาน่าฮิลส์ เฟรนซ์ วิลเลจ’ โรงแรมสุดหรูในเวียดนาม สวยเหมือนเมืองยุโรป!. (ออนไลน์). แหล่งที่มา : https://travel.mthai.com/hotel-review/135693.html. 16 ตุลาคม 2561
LAYBUG. (2557). แนะนำสถานที่ท่องเที่ยว ในเมืองฮอยอัน (Hoian) เวียดนาม. (ออนไลน์). แหล่งที่มา : https://travel.mthai.com/world-travel/95329.html. 16 ตุลาคม 2561
Mushroom Trave. (2560). ซาปา ที่เที่ยว แสนโรแมนติก แห่งเวียดนามเหนือ. (ออนไลน์). แหล่งที่มา : https://www.mushroomtravel.com/page/best-sapa-vietnam. 16 ตุลาคม 2561
12GO. (มปป.). 15 Interesting, Unusual and Fun Facts About Vietnam. แหล่งที่มา : https://12go.asia/en/vietnam/interesting-facts. 15 ตุลาคม 2561
เวียดนาม ประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ หนึ่งในประเทศอาเซียน เป็นประเทศที่มีประวัติความเป็นมาอย่างยาวนานและตกเป็นเมืองขึ้นของเจ้าอาณานิคมทำให้ได้รับอิทธิพลและปรากฏให้เห็นดังเช่นในปัจจุบันในกลิ่นอายของการผสมผสานกันทางวัฒนธรรม จึงทำให้เวียดนามมีเสน่ห์น่าค้นหาเป็นอย่างมากถ้าได้มีโอกาสไปเยี่ยมชมสักครั้ง แต่อาจจะมีบางประเด็นหรือบางสิ่งที่เราไม่รู้จักเกี่ยวกับเวียดนาม ดังนั้นแล้ว เรามาทำความรู้จักกับเกร็ดความรู้ของเวียดนามกันบ้างดีกว่าค่ะ
เรียบเรียงโดย กัญญาณัฐ โพธิ์คำ
จิราภรณ์ ทรงพระ
วัฒนธรรมต่างแดนที่ผสานกันอย่างลงตัวที่เวียดนาม
เนื่องจากเวียดนามนั้นได้ตกเป็นเมืองขึ้นของเจ้าอาณานิคม โดยเฉพาะการตกเป็นเมืองขึ้นของจีนและฝรั่งเศสเป็นเวลาหลายปี ทำให้เวียดนามได้รับวัฒนธรรมจากหลากหลายแห่ง อย่างจีนที่มีอิทธิพลในด้านศาสนาและสถาปัตยกรรม อย่างเช่น ลัทธิความเชื่อต่าง ๆ ลัทธิขงจื๊อที่ให้ความสำคัญต่อการนับถือบรรพบุรุษ ลัทธิเต๋าที่สอนเรื่องความสมดุลของธรรมชาติ รวมไปถึงศาสนาพุทธนิกายมหายานที่สอนในเรื่องของกรรมและในด้านสถาปัตยกรรมจีน อย่างเช่น พระราชวังเว้ สถาปัตยกรรมของพระราชวังจักรพรรดิ์ที่แสดงออกถึงศิลปกรรมจีน ด้วยสี สัญลักษณ์ จนถึงตัวอักษรที่เขียนแบบจีน
เนื่องจากเวียดนามนั้นได้ตกเป็นเมืองขึ้นของเจ้าอาณานิคม โดยเฉพาะการตกเป็นเมืองขึ้นของจีนและฝรั่งเศสเป็นเวลาหลายปี ทำให้เวียดนามได้รับวัฒนธรรมจากหลากหลายแห่ง อย่างจีนที่มีอิทธิพลในด้านศาสนาและสถาปัตยกรรม อย่างเช่น ลัทธิความเชื่อต่าง ๆ ลัทธิขงจื๊อที่ให้ความสำคัญต่อการนับถือบรรพบุรุษ ลัทธิเต๋าที่สอนเรื่องความสมดุลของธรรมชาติ รวมไปถึงศาสนาพุทธนิกายมหายานที่สอนในเรื่องของกรรมและในด้านสถาปัตยกรรมจีน อย่างเช่น พระราชวังเว้ สถาปัตยกรรมของพระราชวังจักรพรรดิ์ที่แสดงออกถึงศิลปกรรมจีน ด้วยสี สัญลักษณ์ จนถึงตัวอักษรที่เขียนแบบจีน
ร่องรอยของอารยธรรมฝรั่งเศสในด้านอาหารและภาษา อย่างเช่น การรับประทานกาแฟคู่กับเฝ๋อ (Phở) หรือก๋วยเตี๋ยวเวียดนาม ในยามเช้าคือมรดกทางวัฒนธรรมการกินของฝรั่งเศสที่ยังหลงเหลือจากยุคอาณานิคม อาหารที่ชื่อว่า ‘แบ๋งหมี่ (Bánh mì)’ ที่ได้รับอิทธิพลมาจากฝรั่งเศสโดยการนำเอาขนมปังฝรั่งเศสหรือบาแกตต์มาทำเป็นแซนด์วิชเวียดนาม อีกทั้งการใช้ภาษาฝรั่งเศสทั้งในชุมชนและมหาวิทยาลัยเช่นในมหาวิทยาลัยฮานอยที่มีภาควิชาภาษาฝรั่งเศส
วัฒนธรรมญี่ปุ่นที่มากับศิลปะการป้องกันตัวและวัฒนธรรมร่วมสมัยจากอเมริกา อย่างเช่น กีฬาเบสบอล ซึ่งเป็นกีฬายอดนิยมในอเมริกาที่ถูกนำมาเผยแพร่ในเวียดนาม
มีถ้ำที่ใหญ่ที่สุดในโลก
โดยพื้นที่ 75% ของประเทศประกอบด้วยภูเขาและป่าไม้และมีถ้ำเป็นจำนวนมาก และเป็นที่ตั้งของถ้ำที่ใหญ่ที่สุดของโลกอีกด้วย คือ ถ้ำซันดอง (Son Doong) ซึ่งหมายถึง “ถ้ำภูเขาแม่น้ำ” ถ้ำนี้เกิดขึ้นเมื่อราว 2-5 ล้านปีก่อน โดยการไหลผ่านของแม่น้ำที่กัดกร่อนหินปูนใต้ภูเขาเป็นเวลานาน จนชั้นหินปูนอ่อนตัวลง เพดานถ้ำจึงถล่มลงมาจนกลายเป็นโพรงช่องแสงขนาดใหญ่ในปัจจุบัน ถูกค้นพบในปี ค.ศ. 1991 โดยชาวเวียดนามแต่ไม่ได้มีการบันทึกเอาไว้ จนกระทั่งนักสำรวจชาวอังกฤษเดินทางมาพบและเข้าถึงด้านในของถ้ำเป็นครั้งแรก เมื่อปี ค.ศ. 2009 ความใหญ่โตของถ้ำนี้กินพื้นที่กว่า 5.5 ไมล์ (8.8 กิโลเมตร) ใหญ่ขนาดที่มีป่าดงดิบและแม่น้ำ เกิดเป็นระบบนิเวศน์ของตัวเองซ่อนอยู่ สูงขนาดที่สามารถสร้างตึกระฟ้าสูง 40 ชั้นไว้ภายในถ้ำได้ จึงถือได้ว่าเป็น ‘กำแพงของเวียดนาม’ เลยทีเดียว
เทือกเขาที่ยังมีชีวิต (มีประชากร)
เวียดนามเปรียบเสมือนเป็นบ้านของกลุ่มชาติพันธุ์เล็ก ๆ หลายกลุ่มโดยมีถึง 54 กลุ่มชาติพันธุ์ที่มีเอกลักษณ์อันโดดเด่น อีกทั้งยังมีภาษาและวัฒนธรรมเป็นของตน ซึ่งสร้างความหลากหลายทางวัฒนธรรมที่ดึงดูดนักท่องเที่ยว หมู่บ้านวัฒนธรรมชนเผ่าต่าง ๆ ในเวียดนามได้กลายเป็นจุดท่องเที่ยวที่น่าสนใจของนักท่องเที่ยว เป็นศูนย์รวมที่สะท้อนความสามัคคีของชนเผ่าต่าง ๆ ในเวียดนาม มีส่วนร่วมสร้างสรรค์เอกลักษณ์วัฒนธรรมเวียดนาม ซึ่งเป็นระบบวัฒนธรรมที่มีความหลากหลายในความเป็นเอกภาพ อย่างเช่น กลุ่มชาติพันธุ์ห่าเกียง ม้ง โลโล เป็นต้น
ปีใหม่เวียดนาม (Tet)
เทศกาลเต๊ด(Tet) เป็นเทศกาลอรุณแรกแห่งปี หรือชาวเวียตนามเรียกว่า เต๊ด เหวียน ด่าน (Tet Nguyen Dan) ถือเป็นเทศกาลขึ้นปีใหม่ทางจันทรคติที่สำคัญที่สุดของชาติเวียดนามเลยทีเดียว เทศกาลเต๊ดจะเริ่มขึ้นหนึ่งสัปดาห์ก่อนที่จะเข้าสู่ปีใหม่ โดยเริ่มต้นในวันที่ 23 เดือน 12 จะมีพิธีเซ่นไหว้เต๋า กวน หรือเทพเจ้าแห่งครัว ด้วยผลไม้สด อาหารคาวหวาน รองเท้าชุดแต่งกายขุนนาง และปลาคราฟ เพื่อที่จะส่งเทพเจ้าแห่งครัวขึ้นไปรายงานความเป็นไปในแต่ละครอบครัว ในช่วง 7 วันก่อนปีใหม่นี้จะมีการทำความสะอาดบ้านเรือน สิ่งของใด ๆ ที่ชำรุดเสียหายก็ทิ้งไปและเปลี่ยนใหม่ เพื่อที่จะต้อนรับสิ่งดี ๆ ในปีใหม่และทุกคนในครอบครัวไม่ว่าจะอยู่ที่ใดก็จะมารวมตัวกันในเทศกาลนี้ ซึ่งถือว่าไม่เหมือนกับปีใหม่ของประเทศต่าง ๆ ทั่วโลกที่เฉลิมฉลองในช่วงเดือนมกราคม
การให้ของขวัญบางประเภทถือว่าเป็นความ ‘โชคร้าย’
อย่างเช่น การให้ผ้าเช็ดหน้า, บางสิ่งที่เป็นสีดำ, ดอกไม้สีเหลืองหรือดอกเบญจมาศ ฉะนั้นแล้ว ถ้ามีเพื่อนหรือคนเวียดนามที่รู้จัก อย่าให้สิ่งของพวกนี้กับพวกเขาเป็นของขวัญนะคะ
จักรยานยนต์เป็นพาหนะที่เห็นได้ทั่วไปในเวียดนาม
เมื่อคิดถึงพาหนะที่ใช้โดยสารในเวียดนาม อันดับแรกที่ทุกคนจะต้องนึกถึงนั่นคือ รถจักรยานยนต์ ถือว่าเป็นพาหนะหลักในการเดินทางของคนเวียดนามไปเสียแล้ว โดยคาดว่าน่าจะมีจักรยานยนต์ที่ได้จดทะเบียนประมาณ 45 ล้านคันภายในเวียดนาม ซึ่งในประเทศเวียดนามนั้นมีประชากรมากกว่า 90 ล้านคนและยังเป็นตลาดในการจำหน่ายรถจักรยานยนต์ที่ใหญ่ที่สุด แต่การที่จะมีรถยนต์นั้นไม่ใช่เรื่องง่ายดายเพราะคนที่จะมีรถยนต์ได้จะต้องเสียภาษีถึง 200-300% เลยทีเดียว
อัตราค่าจ้างที่ต่ำค่าหนึ่งในโลก
โดยถูกบันทึกไว้ว่าเป็นอัตราค่าจ้างที่ต่ำเป็นอันดับที่ 32 ของโลก รายงานค่าจ้างแรงงานทั่วโลกขององค์การเเรงงานระหว่างประเทศได้บอกไว้ว่า ค่าแรงในเวียดนามเฉลี่ยแล้วยังคงต่ำกว่าหลายประเทศในกลุ่มอาเซียนและเมื่อเทียบกับสิงคโปร์ ค่าแรงของเวียดนามมีสัดส่วนเพียง 1 ใน 20 เท่านั้นและยังคงล้าหลังประเทศเพื่อนบ้านหลายแห่ง ทำให้เวียดนามกลายเป็นฐานการผลิตโลก มีบริษัทต่างชาติมาตั้ง อย่างเช่น บริษัทผลิตสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ยักษ์อย่าง Samsung, LG และ Canon มาตั้งฐานการผลิตของตนไว้ที่นี่ เวียดนามจึงหันมาให้ความสำคัญกับการพัฒนาโครงสร้างทางเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศอย่างทีละนิด เพื่อก้าวไปเป็นธุรกิจภาคการบริการให้มากขึ้น
อาหารเวียดนามถือว่าเป็นอาหารเพื่อสุขภาพแหล่งหนึ่งของโลก
อาหารเวียดนามมีลักษณะโดดเด่นเป็นของตัวเองเนื่องจากสภาพภูมิศาสตร์ที่ทอดยาวตามแนวชายฝั่ง ทำให้อาหารเวียดนามแต่ละภูมิภาคมีความแตกต่างกัน มักจะมีผักสดหลากหลายชนิดในแทบทุกเมนู และมีน้ำจิ้มที่หลากหลาย เครื่องปรุงรสส่วนใหญ่เป็นแบบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มากกว่าจีน เช่น เครื่องปรุงรสเปรี้ยวใช้มะขาม มะนาว ไม่นิยมน้ำส้มสายชู มักจะมีส่วนผสมของสมุนไพร มีเทคนิคการปรุงที่เลี่ยงการผัด ทอดและใช้น้ำมัน
ไวน์งูในเวียดนาม
เหล่ว ซาน (Ruou Ran) เป็นไวน์งู ใช้ดื่มเพื่อสุขภาพ พละกำลังและการซ่อมแซมร่างกาย โดยจะใช้งูตัวใหญ่หนึ่งตัวต่อขวดโหลหนึ่งขวด และมักจะใส่รากไม้หรือสมุนไพรเพื่อเพิ่มรสชาติหรือรักษาคุณภาพหรืออาจจะใส่งูตัวเล็ก ๆ เพิ่มลงไปอีกทั้งใส่แมงป่องหรืออาจจะเป็นตุ๊กแก หลังจากนั้นเติมด้วยข้าวหมักเข้าไปแล้วก็จะหมักทิ้งไว้เป็นเดือน ๆ จึงจะนำมาดื่มได้นั่นเอง ซึ่งไวน์งูจากเวียดนามได้รับอิทธิพลมาจากประเทศจีน
เวียดนาม: ประเทศเดียวเหมือนเที่ยวทั่วโลก
ที่มา https://bit.ly/2Od6HvT
|
สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม (Socialist Republic of Vietnam) หรือเรียกย่อๆ ว่าเวียดนามเป็นหนึ่งในประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ที่ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกของคาบสมุทรอินโดจีนและมีรูปร่างเรียงเป็นรูปตัว S ตามแนวชายฝั่ง โดยเวียดนามเป็นประเทศหนึ่งที่มีความหลากหลายสูง เช่น ในแง่ของประวัติศาสตร์การต่อสู้ที่ยาวนานเพื่อให้ได้มาซึ่งเอกราช โดยเหตุการณ์ที่ทำคนทั่วโลกรู้จักเวียดนามคือ การทำสงครามยุทธภูมิเดียนเบียนฟู (เนินเขา A1) โดยการนำของโฮจิมินห์ ในแง่ชาติพันธ์ุของเวียดนามที่มีชาวเขาหลากหลายเผ่าพันธุ์ เช่น คนไต ชาวเย้า ชาวม้ง และขมุ ฯลฯ ที่อาศัยอยู่รวมกับคนชาติพันธุ์กินห์ (เวียดนาม) จนก่อให้เกิดเป็นอัตลักษณ์ที่แปลก แตกต่างและไม่เหมือนใครอย่างลงตัว หรือในแง่ของวัฒนธรรม ก็มีความเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวเพราะมีการรับเอาและผสมผสานทั้งวัฒนธรรมของจีน ญี่ปุ่นและฝรั่งเศสกับวัฒนธรรมท้องถิ่นจนเกิดเป็นเอกลักษณ์ท้องถิ่นที่มีกลิ่นอายของทั้งตะวันออกและตะวันตกอย่างลงตัวทำให้ที่ท่องเที่ยวแต่ละที่ของเวียดนามแต่ละอันนั้นเป็น Unseen ที่ไม่ควรพลาดโดยเด็ดขาด ดังนี้
1. นาขั้นบันไดที่ซาปา
ที่มา https://bit.ly/2yFCJMa
|
ซาปา ตั้งอยู่ทางภาคเหนือของประเทศเวียดนามใกล้กับชายแดนจีนทำให้มีอากาศหนาวเย็นตลอดปีและเป็นดินแดนแห่งขุนเขาที่มีความหลากหลายของชาติพันธุ์มากที่สุดในประเทศเวียดนาม ในอดีตเมืองซาปาจึงเคยถูกสร้างให้เป็นเมืองตากอากาศของชาวฝรั่งเศสที่เข้ามาปกครองในสมัยยุคอาณานิคม เพราะด้วยตัวเมืองซาปาที่โอบล้อมไปด้วยขุนเขาน้อยใหญ่และอากาศที่เย็นตลอดปี จึงทำให้ซาปามีสถาปัตยกรรมอาคารบ้านเรือนและการวางผังเมืองแบบอาณานิคมฝรั่งเศส (French Colonial) โดยหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวนิยมไปเป็นอันดับต้นๆ ในซาปา คือ การทำนาขั้นบันได ที่เขียวขจีท่ามกลางลาดไหล่เขาที่ทอดตัวอย่างสวยงามกว้างไกลสุดลูกหูลูกตา และมีฉากหลังคือเทือกเขาฟานสีปัน ภูเขาที่มีความสูงที่สุดในประเทศแถบอินโดจีน (จึงเป็นที่มาของฉายาหลังคาแห่งอินโดจีนและแอลป์แห่งอ่าวตังเกี๋ย)
ที่มา https://bit.ly/2AACDXx
|
จุดที่นักนักท่องเที่ยวนิยมไปและช่วงเวลาที่ควรไปเที่ยว
การทำนาขั้นบันไดสามารถหาชมได้เกือบทุกมุมของเมืองซาปาแต่จุดที่นักท่องเที่ยวนิยมคือ หมู่บ้าน กั๊ตกั๊ต (Cat Cat Village) ของชาวม้งและหมู่บ้านตานพินของชาวเย้า โดยหมู่บ้านเหล่านี้นอกจากจะมีนาขั้นบันไดที่สวยงามแล้ว ยังเต็มไปด้วยความมีชีวิตชีวาของชาติพันธุ์ต่าง ๆ ที่อาศัยอยู่โดยรอบและยังสามารถสัมผัสถึงวัฒนธรรมของชาวเขาที่เรียบง่ายแต่โดดเด่นอย่างใกล้ชิด
การจะไปชมนาขั้นบันไดเมืองซาปานั้นมีช่วงเวลาที่เหมาะสมคือ ตั้งแต่เดือนกรกฎาคมจนถึงเดือนกันยายน โดยช่วงเดือนกรกฎาคมเป็นต้นไป นาข้าวจะเขียวขจี แต่นักท่องเที่ยวต้องระวังเรื่องสภาพอากาศเพราะเป็นช่วงฤดูฝนของเวียดนาม ขณะที่ช่วงต้นเดือนกันยายนเป็นช่วงที่นาขั้นบันไดสวยงามที่สุด หากเข้าสู่ช่วงกลางจนถึงถึงปลายเดือนนาข้าวจะมีสีเหลืองทอง สวยงามแต่ถ้าเดินทางมาในช่วงหลังจากนั้น จะไม่มีนาขั้นบันไดให้ชม เนื่องจากชาวเขาจะเก็บเกี่ยวผลผลิตหมดไปแล้ว
2. พระราชวังเว้
ที่มา https://w.tt/2ESRDnL
|
เมืองเว้ตั้งอยู่ที่ภาคกลางของประเทศเวียดนาม เคยเป็นเมืองหลวงของประเทศเวียดนามราว 400 ปีก่อนตั้งแต่ยังมีระบอบกษัตริย์ พระราชวังเว้แห่งนี้ได้รับอิทธิพลจากจีนอย่างมากมายเพราะเคยถูกปกครองโดยจีนนับพันปี ไม่ว่าจะเป็นสถาปัตยกรรม สี สัญลักษณ์ จนถึงตัวอักษรที่เขียนแบบจีนแต่ออกเสียงต่างไป (อักษรก๊วกงือ) พระราชวังเว้มีพื้นที่กว่า 5.2 ตร.กม. มีกำแพงเมืองมีกำแพงเมือง 3 ชั้น ไล่เรียงกันไปในแต่ละชั้น กำแพงเมืองชั้นที่ 1 คือ ป้อมปราการเมืองหลวงเว้ (Kinh Thah Hue) มีทางเข้า 10 ทาง และมีป้อมระวังภัย 24 ป้อม ด้านซ้ายจะมีซุ้มปืนใหญ่ 4 กระบอกแทนฤดูกาลทั้ง 4 คือ ร้อน ฝน ใบไม้ผลิ และหนาว ส่วนฟากขวามี 5 กระบอก แทนธาตุทั้ง 5 ในจักรวาล ได้แก่ ดิน น้ำ ลม ไฟ และโลหะ ตามความเชื่อแบบจีน ชั้นที่ 2 เป็นป้อมปราการหลวง (Hoang Thanh)
ปัจจุบันประตูเมืองทั้ง 4 ประตูเปิดให้ทุกคนสัญจร ต่างจากในอดีตที่ประตูทางทิศใต้ (จุดขายตั๋ว) เป็นทางเข้าออกสำหรับกษัตริย์เท่านั้นประตูนี้จะเปิดตรงสู่ท้องพระโรงนามว่าพระราชวังไทฮัว หรือไท่ฮัว หรือไทฮวา (Thai Hoa Palace) ซึ่งเป็นจุดเด่นของทั้งหมด และในส่วนของกำแพงชั้นสุดท้ายคือ “ป้อมปราการต้องห้าม” (Tu Cam Thanh) ภายในกำแพงเป็นที่ประทับของกษัตริย์ทั้ง 13 พระองค์ ในราชวงศ์เหงียนและครอบครัว มีอีกชื่อว่าพระราชวังสีม่วง (Purple Palace) มีที่มาลึกซึ้งจากแสงแรกของพระอาทิตย์ที่มองเห็นเป็นสีม่วงสามารถอธิบายด้วยแถบรุ้งกินน้ำที่เมื่อแสงหักเหจะเห็นเป็นสีรุ้ง ซึ่งมีสีม่วงเป็นสีแรกนั่นเองกำแพงชั้นนี้มีประตูเข้าออก 7 ประตู ภายในมีสิ่งปลูกสร้างที่แตกต่างกันถึง 50 หลัง เช่น วังส่วนตัวของกษัตริย์ ที่พักของพระมเหสี ที่พักของสนม ห้องมหรสพ ห้องครัวสำหรับปรุงพระกระยาหารของกษัตริย์โดยเฉพาะ ห้องอ่านหนังสือ เป็นต้น ซึ่งพระราชวังแห่งนี้มีความหมายทั้งในแง่ของประวัติศาสตร์และความงดงามทางสถาปัตยกรรมจนได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกเมื่อปี 2536
ที่มา https://bit.ly/2RlyuMo
|
เวลาเปิด-ปิด
วันจันทร์-วันอาทิตย์ เปิด 8:00–17:30 (ยกเว้นวันพฤหัสบดี เปิด 8:00–22:00)
3. บานาฮิลล์
ที่มา https://bit.ly/2SyxhCK
|
บานาฮิลล์ (Ba Na Hills) ตั้งอยู่ที่เมืองดานัง ทางภาคกลางของประเทศเวียดนาม ในอดีตเคยเป็นสถานพักผ่อนตากอากาศของชาวฝรั่งเศส ในยุคที่เวียดนามอยู่ภายใต้การปกครอง จึงมีก่อสร้างอาคารบนยอดเขาให้มีบรรยากาศคล้ายกับยุโรป เพราะฉะนั้นสถานที่แห่งนี้จึงถือได้ว่าเป็นที่พักตากอากาศดีที่สุดของเวียดนามเพราะแม้ว่าจะตั้งอยู่ที่ภาคกลางแต่อากาศด้านบนเขานั้นหนาวเย็นตลอดทั้งปีประมาณ 10 องศาเท่านั้น บานาฮิลล์เต็มไปด้วยสิ่งที่น่าสนใจมากมาย ซึ่งถูกเนรมิตขึ้นบนยอดเขาสูงจากระดับน้ำทะเลมากถึงประมาณ 1,487 เมตร
มีจุดท่องเที่ยวกระจายกันไปโดยรอบแต่ละพื้นที่บนยอดเขา ซึ่งนักท่องเที่ยวจะต้องนั่งกระเช้าไฟฟ้าขึ้นไปเที่ยวชม และกระเช้าไฟฟ้าที่ว่านี้ ก็เป็นกระเช้าไฟฟ้าที่ยาวและสูงที่สุดในโลกด้วย มีความยาวมากถึง 5,801 เมตร และสูง 1,368 เมตร ซึ่งจะทำให้นักท่องเที่ยวจะได้สัมผัสปุยเมฆหมอก และบางจุดมีเมฆลอยต่ำกว่ากระเช้าทำให้เมื่อเวลานั่งกระเช้ารู้สึกเหมือนว่าลอยได้พร้อมทั้งได้สูดอากาศบริสุทธิ์อันสดชื่นของยอดเขาแห่งนี้ด้วย
ที่มา https://bit.ly/2OYnKa8
|
สถานที่อื่น ๆ ที่ไม่ควรพลาด
สวนสนุก Fantasy Park, สวนสนุก Disney Vietnam, วัดลีงอึ้ง, สวนดอกไม้ Le Jardin d’ Amour, โรงไวน์ Debay Wine Cellar, กระเช้าลอยฟ้าและสะพาน Golden Bridge นอกจากนี้ยังมีวัดและสถานที่พักผ่อนไม่ว่าจะเป็นโรงแรม รีสอรท์ ตั้งอยู่ท่ามกลางหุบเขาด้วย
4. ฮอยอัน
ที่มา https://bit.ly/2OVZaXo
|
ฮอยอัน (Hoi An) ตั้งอยู่ทางภาคกลางของประเทศเวียดนาม ห่างจากเมืองท่าดานังทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ระยะทางประมาณ 30 กิโลเมตร ในสมัยของอาณาจักรจามปาบริเวณนี้เคยเป็นเมืองท่าบนปากแม่น้ำทูโบน ซึ่งมีชื่อว่า ไฮโฟ โดยเป็นศูนย์กลางทางการค้าในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 16-17 มีชาวต่างชาติมาตั้งถิ่นฐานและค้าขายในเมืองนี้เป็นจำนวนมาก ทั้งชาวจีน ญี่ปุ่น ดัตช์ และอินเดีย เดิมทีเมืองนี้ถูกแบ่งออกเป็นสองฝั่งโดยมีคลองสายหนึ่งคั่นอยู่กลางเมือง มีสะพานญี่ปุ่นทอดข้ามคลองเพื่อกั้นแบ่งเขตชุมชนของชาวญี่ปุ่นที่อีกฝั่งหนึ่งของคลอง ตัวสะพานสร้างโดยชาวญี่ปุ่นเมื่อ 400 กว่าปีที่แล้ว รูปทรงโค้งของสะพานและหลังคามุงกระเบื้องสีเขียวและเหลืองเป็นคลื่น ตรงกลางสะพานมีเจดีย์ทรงจัตุรัสที่สร้างอุทิศให้แก่ดั๊กเดและตรันหวู
ก่อนเดินข้ามสะพานด้านซ้ายมือจะมีรูปปั้นสุนัขกำลังนั่ง และเมื่อข้ามไปแล้วก็จะเจอกับลิงอีกตัวซึ่งเป็นลักษณะสถาปัตยกรรมที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะและเป็นสัญลักษณ์ของเมืองโบราณฮอยอัน ในปี พ.ศ. 2542 องค์การยูเนสโกได้ขึ้นทะเบียนเขตเมืองเก่าของฮอยอันให้เป็นมรดกโลก ด้วยเหตุผลว่าเป็นตัวอย่างของเมืองท่าในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในสมัยคริสต์ศตวรรษที่ 15-19 ที่มีการผสมผสานศิลปะและสถาปัตยกรรมทั้งของท้องถิ่นและของต่างชาติไว้ได้อย่างมีเอกลักษณ์ และอาคารต่าง ๆ ภายในเมืองได้รับการอนุรักษ์ให้อยู่ในสภาพเดิมไว้ได้เป็นอย่างดี สำหรับการมาเที่ยวชมเมืองฮอยอัน สามารถซื้อบัตรเข้าชมได้ที่เมืองเก่าบริเวณหัวถนนตรันฝู ภายในบัตรนั้นสามารถเข้าชมได้ 5 สถานที่ภายใน 1 วัน จะเลือกเดินเท้าเข้าชมเมือง เช่าจักรยาน หรือใช้บริการของสามล้อถีบก็ได้เช่นกัน เนื่องจากฮอยอันเป็นเมืองเล็ก ๆ มีถนนสายหลักเพียงไม่กี่เส้น ใช้เวลาเพียงวันเดียวก็เที่ยวครบแล้ว
ที่มา https://bit.ly/2EPAFXe
|
สถานที่อื่น ๆ ที่ไม่ควรพลาด
สมาคมฟุกเกี๋ยน (Phouc Kien Assembly Hall), บ้านเลขที่ 101 (Old House No.101), บ้านเลขที่ 7 (Old House No.7), ศูนย์วัฒนธรรมและหัตถกรรม (Handicraft workshop and traditional music shop), พิพิธภัณฑ์เซรามิก (Museu of Trading Ceramics), แม่น้ำทูโบน (Thu Bon River)
5. โบสถ์โดเมนเดมารี
ที่มา https://bit.ly/2zaGcSa
|
โบสถ์โดเมนเดมารีแห่งนี้ตั้งอยู่ที่เมืองด่าหลัต ทางภาคใต้ของเวียดนาม สร้างขึ้นในปี ค.ศ.1930 โดย Zuzanne Humbert ภริยาของผู้ว่าการอินโดไชน่าชาวฝรั่งเศส ตั้งแต่ในสมัยที่ฝรั่งเศสยังปกครองเวียดนามในฐานะอาณานิคม ลักษณะของโบสถ์โดเมนเดมารีเป็นการผสมผสานกันระหว่างสถาปัตยกรรมแบบฝรั่งเศสสมัยศตวรรษที่ 17 กับรูปแบบของอาคารพื้นบ้านในเวียดนามออกมาเป็นโบสถ์ที่ดูภายนอกจะเหมือนกับบ้านพัก สูง 2 ชั้น และโดดเด่นด้วยการทาสีชมพูอ่อน ๆ เพื่อเป็นการบ่งบอกว่า โบสถ์เวียดนามแห่งนี้เป็นคอนแวนต์ที่มีแต่แม่ชีอยู่อาศัยนั่นเอง
อ้างอิง
กาญจนา อายุวัฒน์ธนชัย. (2557). พระราชวังเว้ อาณาจักรต้องห้ามแห่งเวียดนาม. (ออนไลน์). แหล่งที่มา : https://www.posttoday.com/travel/323747. 16 ตุลาคม 2561
จันจิรา อินทรศักดิ์. (มปก). นาขั้นบันได เวียดนาม มนตร์เสน่ห์แห่งขุนเขาในฤดูฝน. (ออนไลน์). แหล่งที่มา : https://travel.kapook.com/view99905.html. 16 ตุลาคม 2561
จันจิรา อินทรศักดิ์. (มปก). นาขั้นบันได เวียดนาม มนตร์เสน่ห์แห่งขุนเขาในฤดูฝน. (ออนไลน์). แหล่งที่มา : https://travel.kapook.com/view99905.html. 16 ตุลาคม 2561
เที่ยวเมืองในฝัน.(ออนไลน์). แหล่งที่มา : http://travel.trueid.net/detail/E0PnebYaa5E. 16 ตุลาคม 2561
เอิงเอย. (2560). บานา ฮิลล์ Ba Na Hills ดานัง เมืองฝรั่งเศสในเวียดนาม นั่งกระเช้าลอยฟ้า
เอิงเอย. (2560). บานา ฮิลล์ Ba Na Hills ดานัง เมืองฝรั่งเศสในเวียดนาม นั่งกระเช้าลอยฟ้า
มปก. (มปป). บานาฮิลล์ ดินแดนแห่งความสนุกบนยอดเขาสูงแห่งดานัง ประเทศเวียดนาม. (ออนไลน์). แหล่งที่มา : https://travel.kapook.com/view197331.html. 16 ตุลาคม 2561
มปก. (มปป). โบสถ์ คอนแวนต์โดเมนเดอมารี Domaine de Marie Conventhttp. (ออนไลน์). แหล่งที่มา : https://www.vietnamonline.com/attraction/domaine-de-marie-church.html. 16 ตุลาคม 2561
มปก. (มปป). โบสถ์ คอนแวนต์โดเมนเดอมารี (Domaine de Marie Conventhttp, Dalat). (ออนไลน์). แหล่งที่มา : http://www.asiatravelroutes.com/th/vietnam/attractions/dalat/domaine-de-marie-convent.html. 16 ตุลาคม 2561
มปก. (มปป). ข้อมูลพื้นฐานของสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม. (ออนไลน์). แหล่งที่มา : http://www.ditp.go.th/contents_attach/141176/141176.pdf. 16 ตุลาคม 2561
มปก. (2560). เที่ยวซาปา เมืองนาขั้นบันได ไอหมอก และขุนเขา. (ออนไลน์). แหล่งที่มา : https://bit.ly/2yoSBl. 16 ตุลาคม 2561
มปก. (มปป). ข้อมูลพื้นฐานของสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม. (ออนไลน์). แหล่งที่มา : http://www.ditp.go.th/contents_attach/141176/141176.pdf. 16 ตุลาคม 2561
มปก. (2560). เที่ยวซาปา เมืองนาขั้นบันได ไอหมอก และขุนเขา. (ออนไลน์). แหล่งที่มา : https://bit.ly/2yoSBl. 16 ตุลาคม 2561
AOM. (2561). 5 สถานที่เที่ยวดานัง..เมืองใหม่สุดฮิปแห่งเวียดนาม!. (ออนไลน์). แหล่งที่มา : https://tourkrub.co/blog/hip-danang-vietnam. 16 ตุลาคม 2561
Backyard Travel. (2017). 25 FUN & INTERESTING FACTS ABOUT VIETNAM THAT MAKE YOU WANT TO VISIT. (ออนไลน์). แหล่งที่มา : http://www.backyardtravel.com/25-fun-interesting-facts-about-vietnam/. 15 ตุลาคม 2561
EXPAT WOMEN.COM. (2017). 15 Fun Facts About Vietnam That You Most Probably Didn't Know. แหล่งที่มา : https://www.expatwoman.com/vietnam/guide/15-fun-facts-about-vietnam-you-most-probably-didnt-know.15 ตุลาคม 2561
Backyard Travel. (2017). 25 FUN & INTERESTING FACTS ABOUT VIETNAM THAT MAKE YOU WANT TO VISIT. (ออนไลน์). แหล่งที่มา : http://www.backyardtravel.com/25-fun-interesting-facts-about-vietnam/. 15 ตุลาคม 2561
EXPAT WOMEN.COM. (2017). 15 Fun Facts About Vietnam That You Most Probably Didn't Know. แหล่งที่มา : https://www.expatwoman.com/vietnam/guide/15-fun-facts-about-vietnam-you-most-probably-didnt-know.15 ตุลาคม 2561
JASMINTA. (2560). ‘เมอร์เคียว บาน่าฮิลส์ เฟรนซ์ วิลเลจ’ โรงแรมสุดหรูในเวียดนาม สวยเหมือนเมืองยุโรป!. (ออนไลน์). แหล่งที่มา : https://travel.mthai.com/hotel-review/135693.html. 16 ตุลาคม 2561
LAYBUG. (2557). แนะนำสถานที่ท่องเที่ยว ในเมืองฮอยอัน (Hoian) เวียดนาม. (ออนไลน์). แหล่งที่มา : https://travel.mthai.com/world-travel/95329.html. 16 ตุลาคม 2561
Mushroom Trave. (2560). ซาปา ที่เที่ยว แสนโรแมนติก แห่งเวียดนามเหนือ. (ออนไลน์). แหล่งที่มา : https://www.mushroomtravel.com/page/best-sapa-vietnam. 16 ตุลาคม 2561
12GO. (มปป.). 15 Interesting, Unusual and Fun Facts About Vietnam. แหล่งที่มา : https://12go.asia/en/vietnam/interesting-facts. 15 ตุลาคม 2561
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น